ประเทศผักชี

ผักชีกิโลละ 400 ประยุทธ์แก้ปัญหาด้วยการสั่งทหารปลูกผักชี ได้ผลทันที เรียกเสียงหัวเราะสนั่นโลกออนไลน์ เหมือนน้ำท่วมให้เลี้ยงปลา


ผักชีกิโลละ 400 ประยุทธ์แก้ปัญหาด้วยการสั่งทหารปลูกผักชี ได้ผลทันที เรียกเสียงหัวเราะสนั่นโลกออนไลน์ โฆษกรัฐบาลแก้ต่างว่าเจตนาดี คงเหมือนน้ำท่วมให้เลี้ยงปลา ราคาข้าวตกต่ำให้ปลูกหมามุ่ย

ตู่ไปประชุม COP26 หน้าบานเป็นจานเชิง ได้ชนศอกผู้นำโลก เขาทักทายยินดีตามพิธีการทูต ก็ตีปี๊บต่างชาติชื่นชมไทย ไม่ดูให้ดีว่าขึ้นเวทีแล้วจะยืนตรงไหน เก้ ๆ กัง ๆ ให้ฝรั่งจูง

กล่าวสุนทรพจน์ขึงขัง “ไม่มี Plan B ไม่มีโลกที่สอง” โป๊ะแตก ก๊อปบัน คี มูน-โอบามา ยังมีหน้าบอกผู้นำคิดเหมือนกัน อย่างนี้เด็กลอกการบ้านก็อ้างได้ว่าคิดเหมือนคนสอบได้ที่หนึ่ง

บางคนหาว่าจ้องแซะ ไม่ดูการทำงาน แต่ผลงานคือราคาข้าวตกต่ำ กว่าจะจ่ายเงินประกันข้าว น้ำท่วมของแพงไม่วางแผน น้ำมันแพงไม่คุมราคาทั้งที่รู้จะกระทบราคาสินค้า ฯลฯ

ทหารมีไว้ทำไม มีนายพลเกือบ 2,000 คน มีไว้ปลูกผักชี? ทหารมีปมถูกวิจารณ์ ล้นเกิน เปลืองภาษี เสียข้าวสุก ต้องหางานให้ปลูกผักชี TDRI เพิ่งชี้ ถ้าลดเกณฑ์ทหารครึ่งหนึ่ง จะเพิ่มจีดีพี 0.6%

บินไปประชุมโลกร้อนก็ “กลวง” ประเทศไทยไม่จริงจังลดมลภาวะ ไม่ลดเลิกใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า ไม่รับปากหยุดการตัดไม้ทำลายป่า กลับไปพูดว่าจะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ในสิบปี จนกรีนพีซประเทศไทยงง “อิหยังวะ”

ประยุทธ์ไปกลาสโกว์แค่อยากได้หน้า อวดพวกชาตินิยมปมด้อยว่าผู้นำต่างชาติต้อนรับ เขาทักทายตามมารยาทก็ทึกทัก ต่างชาติชื่นชม ทั้งที่เรื่องโลกร้อน สิทธิมนุษยชน ประเด็นร่วมของคนทั้งโลก ไทยยังล้าหลังเพื่อน

ประชุมอาเซียน ชาวโลกปรบมือให้ 5 ชาติ บรูไน อินโด มาเลย์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไม่ยอมให้ผู้นำทหารพม่าเข้าร่วม ผู้นำทหารไทยมุดอยู่ข้างหลัง

บางคนอ้างว่าต้องรักษาประโยชน์ค้าขาย เหตุผลสามานย์ ฝากคนพม่าจดจำทุนไทยที่หนุนทหารพม่า

วันที่ 10 พ.ย.นี้ที่เจนีวา จะมีการประชุม UPR ทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนไทย รัฐบาลก็ทำเงียบ ไทยถูกทบทวนมา 2 ครั้ง 2554, 2559 ปีนี้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่ายุคเผด็จการ เบลเยียมจะเป็นหัวหอกซักเรื่อง 112 สหราชอาณาจักรซักเรื่องเสรีภาพการชุมนุม การใช้กำลังของตำรวจ ฯลฯ

รัฐไทยเก่งดัดจริต โรยผักชี หลังจากโดน UPR ตำหนิในปี 59 ก็ประกาศ “สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ” กรมคุ้มครองสิทธิมอบรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน” ให้หน่วยงานรัฐ บรรษัทยักษ์ใหญ่ อิหยังวะ ประชาชนชุมนุมโดน คฝ.ใช้กำลัง จับกุมคุมขังไม่ได้ประกัน บรรษัทยักษ์ใหญ่กลับ PR เราเป็นองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนนะคะ

สรรหากรรมการสิทธิ ได้นักต่อสู้เพื่อชนกลุ่มน้อย วุฒิสภาก็ไม่รับ คงรอตั้งนายพลเกษียณรับประชุมเอเปก

“หมอหม่อง” รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ บอกว่าถ้ารัฐบาลตั้งใจจริงจะลดโลกร้อน ไม่ต้องคิดโครงการจัดอีเวนต์กิ๊บเก๋ หาคำพูดประดิดประดอย แค่หยุดสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ หยุดทำลายป่าจากโครงการของรัฐก่อน

นั่นสะท้อนการทำงานรัฐไทย ถนัดอีเวนต์ ทำซุ้มทำป้าย “ผักชีโรยหน้า” จัดซื้อจัดจ้างออร์แกไนเซอร์ (ได้หัวคิว) ทหารชอบข้าราชการชอบนักการเมืองก็ชอบ พิธีเปิดปิด กดปุ่ม ให้โอวาท แต่ทำงานไร้ประสิทธิภาพ เทอะทะ สิ้นเปลือง

งบพีอาร์อีเวนต์ถ้าตัดทิ้ง คงประหยัดได้หมื่นล้าน แต่ในประเทศผักชี การตีปี๊บสร้างภาพสำคัญกว่าสร้างผลงาน เช่นเปิดประเทศคือปั่นความหวัง ออกข่าวรายวัน นับหัวนักท่องเที่ยว ทั้งที่บริหารจัดการขลุกขลัก เพิ่งแก้ระบบไทยแลนด์พาส วัคซีนก็ไม่ครบ

อันที่จริงถ้ารู้ทัน ไม่ใช่แค่รัฐบาลหรอก ธุรกิจเอกชน คนดีเด่นดัง ผู้ประสบความสำเร็จ ฯลฯ ก็มีไม่น้อยที่มาจากการปั่นสตอรี่ ผักชีโรยไม่พอ ต้องเป็นผักชีปั่น ซอสผักชี แล้วดูดีหลอกตา เพียงแต่หลอกคนรุ่นใหม่ไม่สำเร็จ

Back to top button