PIN ลงเทรดวันแรก! ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 5 บ. จับตากำไรปี 65 โตเท่าตัว
PIN ลงเทรดวันแรก! ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 5 บ. จากราคา IPO ที่ระดับ 3.90 บ. จับตากำไรปี 65 โตกว่า 90% ส่วนปี 66 ผลงานยังโตต่อเนื่อง หลังเปิดประเทศ โควิด-19 คลี่คลาย จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม-โลจิสติกส์พาร์คใหม่ตามแผน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ย.2564) บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นวันแรก
โดย PIN ดำเนินกิจการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมประเภทเขตอุตสาหกรรมทั่วไป พร้อมระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่พาณิชยกรรม การพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics park) อาคารโรงงาน คลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง ภายใต้เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ปัจจุบันมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่ดำเนินการแล้วจำนวน 5 โครงการ โครงการ Logistics Park 1 โครงการ และนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1 โครงการ กลุ่มลูกค้ามีการกระจายตัวหลากหลายอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่ อยู่ในธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ โลหะและพลาสติก ซึ่งเป็นกิจการข้ามชาติจากญี่ปุ่น ไทย และจีน
ทั้งนี้ PIN มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 1,160 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 870 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 290 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2564 ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,131 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,524 ล้านบาท
สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) 10.11 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted EPS) เท่ากับ 0.39 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
ด้าน นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ PIN จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park) แห่งใหม่ นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้ในชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นอกจากนั้น PIN มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมในอนาคตและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานของบริษัทฯ ตามความเห็นสมควรหรือเหมาะสมของคณะกรรมการบริษัทฯ
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มของนายพีระ ปัทมวรกุลชัย ถือหุ้นรวม 70.90% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า PIN เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 290 ล้านหุ้น เงินที่ได้จะนำไปใช้ในการลงทุนโลจิสติกส์พาร์คแห่งใหม่ชำระคืนเงินกู้และเงินทุนหมุนเวียน PIN มีนิคมฯ 6 แห่ง และโลจิสติกส์พาร์ค 2 แห่งพื้นที่รวม 8,089 ไร่ ในชลบุรีและระยอง และมีธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป, คลังสินค้าสำเร็จรูป และที่ดินให้เช่า และมีธุรกิจน้ำและบริการ PIN เป็นผู้สนับสนุนและถือหุ้น 15% ในกองทุนรวมอสังหาฯ ปิ่นทองอินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF)
ขณะที่โครงการกรุงเทพฯ แซนด์บอกซ์ (รวมถึงชลบุรี) เริ่ม 1 พ.ย. และคาดระยองจะเปิดเมืองเร็วๆ นี้ PIN มีทรัพย์สินที่อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใน EEC ดังนั้น PIN จะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเปิดประเทศ ซึ่งจะช่วยปลดล็อคอุปสงค์คงค้างที่ดินนิคมฯ คำขอส่งเสริม BoI ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 เติบโตก้าวกระโดด 158% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนอุปสงค์แข็งแกร่ง
โดยคาดกำไรปี 2564 ของ PIN จะลดลง 41% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 237 ล้านบาท จากผลกระทบการระบาดของโควิด19 และข้อจำกัดการเดินทาง แต่กำไรจะเติบโตก้าวกระโดด 96% เป็น 464 ล้านบาท ในปี 2565 และเติบโตต่อเนื่อง 30% เป็น 603 ล้านบาท ในปี 2566 การเปิดนิคมฯ PIN6 ในไตรมาส 4/2564 (พื้นที่ขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,873 ไร่) และโลจิสติกส์พาร์คใหม่ (325 ไร่) ในไตรมาส 3/2565 จะทำให้ PIN ได้รับประโยชน์จากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทีเร่งตัวขึ้นใน EEC โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 นอกจากนั้นคาดเงินปันผลต่อหุ้นที่ 1.49 (fully-diluted), 0.20 และ 0.26 บาท ในปี 2564-2566
ทั้งนี้ประเมินมูลค่าบริษัทสิ้นปี 2565 ที่ 5.9 พันล้านบาท และประเมินมูลค่าที่ 5.1 บาทต่อหุ้น ซึ่งเทียบเท่า PER ที่ 24.9 เท่า ในปี 2564 และลดลงเป็น 12.7 เท่า ในปี 2565 และ 9.8 เท่า ในปี 2566 ความเสี่ยงได้แก่ ความผันผวนทางเศรษฐกิจและภาวะการเมือง, การแข่งขันรุนแรงขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และมียอดขายรอรับรู้รายได้น้อย