SMART ต้นทุนเพิ่ม ฉุดกำไร Q3 ลง 24% เหลือ 6.83 ลบ.
SMART ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 6.83 ลบ.ปรับตัวลดลง 24.52 %เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไร 9.04 ลบ. เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อคดาวน์ ปิดแคมป์ก่อสร้าง ส่งผลให้ต้นทุนพลังงาน และราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น
บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART รายงานผลการดำเนินงาน ไตรมาส3 ปี 2564 สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2564 ดังนี้
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้รวม 338.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 310.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 30.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.50%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 มีรายได้รวม 103.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 97.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.83 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.04 ล้านบาท ลดลง 2.21 ล้านบาท หรือลดลง 24.52% สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขายอิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่มขึ้น
ขณะที่กำไรงวดไตรมาส 3/2564 ปรับตัวลดลงเนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อยในระยะสั้น จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อคดาวน์ ปิดแคมป์ก่อสร้าง ส่งผลให้ต้นทุนพลังงาน และราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากงานโครงการภาคเอกชน อาทิ โครงการที่พักอาศัย แนวราบ-แนวสูง โรงแรม ร้านอาหาร ที่เร่งปรับปรุง ซ่อมแซม เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ งานโครงการภาครัฐ อาทิ อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โครงการรถไฟฟ้า กลับมาดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้ทันตามกำหนดระยะเวลาส่งมอบตามแผนงาน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 คาดว่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐประกาศมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ภาครัฐ ที่ชะลอตัวกลับมาเร่งทำการก่อสร้าง อีกทั้ง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมบำรุง ที่พักอาศัย อาคาร โรงแรม ร้านอาหาร ผลักดันให้ความต้องการใช้งานวัสดุก่อสร้างอิฐมวลเบา – อิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่มขึ้น
“บริษัทยังคงเดินหน้า ทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียประเภทการตกแต่งและนวัตกรรมชั้นนำ อีกทั้งผลักดันสินค้าอิฐมวลเบาขนาดจัมโบ้เพื่องานโครงสร้าง ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุน ทำให้งานก่อสร้างเสร็จรวดเร็ว และ สินค้าอิฐมวลเบาเพื่องานตกแต่งภายใน-ภายนอก โดยมีกระแสตอบรับที่ดี เตรียมขยายกำลังการผลิตอิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม 50% เพื่อรองรับปริมาณคำสั่งซื้อและการเติบโตในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรและพร้อมเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลังในช่วงไตรมาส4/2564 ผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 5%” นายรังสี กล่าว