หุ้นกู้ดิจิทัลของ PTTEP

การประกาศความสำเร็จจากการขายหุ้นกู้ดิจิทัลครั้งแรกของบริษัทหลักในเครือปตท. นอกจากเพิ่มขนาดของตลาดแล้ว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพผ่านรูปแบบใหม่ๆ


การประกาศความสำเร็จจากการขายหุ้นกู้ดิจิทัลเป็นครั้งแรกด้วยวงเงิน 6,000 ล้านบาท ของบริษัทหลักในเครือปตท. นอกจากเป็นการเพิ่มขนาดของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการระดมทุนของบริษัทผ่านรูปแบบใหม่ ๆ ที่มีต้นทุนต่ำลงไปกว่าเดิม (นอกเหนือจากความสำเร็จของธนาคารที่เคยมีภาพลักษณ์คร่ำครึอย่าง KTB ให้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย)

ที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้มักจะเป็นตลาดที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างต่ำ เพราะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมักจะเชื่อมโยงกับตลาดทุนในรูปโทเคน ซึ่งมีลักษณะการระดมทุนในรูป ICO ที่มีลักษณะคล้ายหุ้นมากกว่า

การดัดแปลงรูปแบบของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นตราสารหนี้ เท่ากับการเพิ่มช่องทางใหม่ให้กับตราสารหนี้ หรือตลาดหุ้นกู้ที่ซับซ้อนกว่าปกติ

ความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ. ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีประชาชนสนใจจองซื้อครบ 6,000 ล้านบาท (เริ่มแรกด้วยยอด 5,000 ล้านบาท ที่ยอดจองล้นหลามจนต้องเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท) ภายในเวลา 8 นาที 12 วินาที อาจจะเพราะมีเงื่อนไขที่เกิดกว้างสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ทำให้ลดความเสี่ยงไปได้มาก แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีรูปแบบช่องทางซื้อที่สะดวกในตลาดรองผ่านแอปฯ เป๋าตัง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย อินฟินิธัสบาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น “Thailand Open Digital Platform” สำหรับคนรุ่นใหม่

หลังจากการขายหุ้นกู้ดิจิทัลผ่านไป ทั้งสองพันธมิตร KTB-PTTEP ก็ยังต่อยอดด้วยการร่วมมือทำสัญญาเป็นพันธมิตรต่อยอดด้วยการบริหารความเสี่ยงค่าเงิน ในตลาดอนุพันธ์เพื่อต่อยอดด้วย

ในขั้นตอนการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล PTTEP มีจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด 8,363 คน และจำหน่ายหมดในเวลา 8 นาที 12 วินาที โดยวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ทำให้ผู้ลงทุนกระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.9% และต่างจังหวัด 59.1% โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ลงทุนสูงถึง 11.61% และกระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-89 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber 20-29 ปี 7.8% และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 25%

หุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ.  เป็นหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 5 ปี ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 69  อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเริ่มต้นที่ 2.00% ต่อปี และสูงสุดที่ 2.75% ต่อปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 2.25% ต่อปี  กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เริ่มนับจากวันออกหุ้นกู้วันแรก คือวันที่ 5 พ.ย. 64 ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “AAA” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 64 ซึ่งถือเป็นอันดับสูงสุดของตราสารหนี้ในประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจและความมั่นคงทางการเงินของบริษัท

นี้คือก้าวใหม่สู่สิ่งที่เรียกว่า “โลกใหม่” ที่ทรัพย์สินต่าง ๆ ในโลกนี้กำลัง ถูกทำให้เป็นดิจิทัล” อย่างรวดเร็วหรือก็คือการทำให้เป็น โลกเสมือน คู่ไปกับ โลกจริง อย่างที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เพิ่งจะประกาศว่าโลกของ “Metaverse” หรือ อาณาจักรของโลกเสมือน ที่เริ่มตั้งแต่เทคโนโลยี “Block Chain” เกิดขึ้นในโลก เพราะว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ทรัพย์สินจริง ที่สามารถจับต้องได้ถูกแปลงให้กลายเป็น ทรัพย์สินดิจิทัล หรือ ทรัพย์สินเสมือน ที่สามารถกำหนดตัวตนชัดเจน ไม่มีใครสามารถแปลงได้ ถูกเก็บรักษาไว้ได้โดยไม่มีการเสื่อมเสียและแทบไม่มีค่าใช้จ่ายในคอมพิวเตอร์หรือใน คลาวด์ สามารถซื้อขายและโอนได้โดยที่ไม่ต้องมีตัวกลาง ไม่ต้องมีการจดทะเบียนอะไรกับใครทั้งนั้น มันเป็น ทรัพย์สินในฝันที่มีค่า โดยเฉพาะใน โลกใหม่ ว่าที่จริงตอนนี้ก็เริ่มทำกันมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว

ความสำเร็จของ PTTEP และ KTB ในการระดมทุนผ่านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล กำลังทำให้ตลาด เงินเสมือน(ที่เริ่มจากบิตคอยน์เป็นผู้นำ) บนรากฐานของความเชื่อความโลภ ที่มาพร้อมความเสี่ยง

การคาดการดำเนินงานปี 2564 กลับมาฟื้นตัวได้ดีแม้ 9 เดือนที่ผ่านมาจากมีกำไรต่ำกว่าคาด แต่ผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่ายังเติบโตได้ดีทั้งจาก ปริมาณและราคาขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจากแหล่งที่มีศักยภาพทั้งในไทย, มาเลเซีย, พม่า

ในขณะที่การแพร่ระบาดในประเทศของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลต่อกำไรและรายได้ของบริษัทจดทะเบียนอื่น แต่ในไตรมาสองที่ผ่านมา PTTEP กลับได้รับประโยชน์จาก สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่ได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 66.9 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล และล่าสุด มีความสามารถสูงขึ้นในการระดมทุนผ่านตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอีก

จุดเด่นดังกล่าว ที่ทำให้กำไรสุทธิของ PTTEP มีกำไรสวยงามเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน

ความสามารถในการระดมทุนและก่อหนี้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงชัดเจนผ่านช่องทางใหม่ของ PTTEP น่าจะส่งผลต่อความสามารถทำกำไรของบริษัทนี้ได้ชัดเจนขึ้นตลอดปีหน้าเลยทีเดียว

ไม่เชื่อก็คอยดูว่าราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ที่ให้ไว้เหนือ 140.00 บาท จะเกินจริง หรือ ต่ำกว่าจริงในอีก 2 เดือนข้างหน้า

Back to top button