อวดความล้มเหลว
รัฐบาลแถลงผลงาน ปกป้องสถาบัน บริหารโควิด เปิดประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเกษตรกร แก้ฝุ่นละออง PM2.5 และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
รัฐบาลจะแถลงผลงานปีที่สอง ปกป้องเชิดชูสถาบัน บริหารจัดการโควิด เปิดประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเกษตรกร แก้ฝุ่นละออง PM2.5 และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ฟังแล้วหัวร่อกลิ้ง ฝ่ายค้านยังไม่ต้องเปิดอภิปรายทั่วไป รอให้รัฐบาลแถลงประจาน “ผลงาน” ตัวเองสนุกกว่า
ปกป้องสถาบัน ใช้กำลังใช้ความรุนแรงปราบม็อบคนรุ่นใหม่ งัด ม.112 กลับมา จนเกิดการล่าชื่อยกเลิก 112 มีคนลงชื่อออนไลน์เกิน 2 แสน ไม่มากหรอก แต่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดในประเทศไทยต้องแน่วแน่แค่ไหนถึงกล้าลงชื่อ แม้รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ คงไม่แยแสการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน UPR ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่จะซักถามเรื่อง 112 เสรีภาพการชุมนุม การจับกุมคุมขัง การใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจ ฯลฯ แต่ความขัดแย้งไม่จบง่าย มีแต่บานปลาย
บริหารโควิด คือความล้มเหลวล้วน ๆ ป้องกันหละหลวม ระบาดจากแรงงานผิดกฎหมาย จากบ่อน จากผับหรู แล้วไม่เตรียมวัคซีนไว้ คิดว่าตัวเองเก่ง รอบแรกคุมได้ ประยุทธ์ที่หนึ่งในโลก จัดหาวัคซีนล่าช้า แทงม้าตัวเดียวส่งมอบไม่ได้ตามสัญญา ลนลานพึ่งวัคซีนจีนเชื้อตาย “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่มี” โดนก่นด่าตั้งแต่รัฐบาลไปถึงหมอผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร สธ.
แต่พอวัคซีนประดังปลายปี ก็อวดโอ่เป็นผลงาน ตีปี๊บเปิดประเทศ ให้คนมองไปข้างหน้า อาศัยอารมณ์คนอึดอัด อยากเดินทางอยากทำมาหากิน ออกข่าว propaganda กลบปัญหาการเมือง ที่ประชาชนไล่รัฐบาล กลบปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อน น้ำมันแพง น้ำมันปาล์มแพง ราคาข้าวตกต่ำ น้ำท่วม ผักแพง แล้วก็สั่งทหารปลูกผักชี
ล้วนเป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านอยากอภิปราย ประชาชนก่นด่า แต่รัฐบาลยกมาเป็นผลงาน
บริหารจัดการน้ำ น้ำไม่มากเท่าปี 54 ยังปล่อยให้ท่วมขัง ประชาชนภาคกลางเดือดร้อนไปทั่ว หลายพื้นที่น้ำท่วมฉับพลันเพราะเขื่อนพัง น้ำหลากไม่รู้ตัว กระทั่งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จู่ๆ ก็น้ำหนุนโดยประชาชนไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่มีการแจ้งเตือน แล้วพูดหน้าตาเฉยว่า “ก็น้ำมันหนุนจะให้ทำอย่างไร”
งั้นก็ไม่ต้องมีรัฐบาล ไม่ต้องมีผู้ว่า กทม. ภัยพิบัติเป็นเรื่องธรรมชาติ ประชาชนรับมือกันเอง แล้วส่วนราชการค่อยแจกถุงยังชีพ ยาแก้น้ำกัดเท้าเราจะมีหน่วยงานด้านน้ำ มีผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ มากมายไปทำไม ถ้าไม่สามารถแจ้งเตือน
นี่สะท้อนภาพความล้มเหลวชัดเจน หน่วยงานของรัฐต่างคนต่างทำ ไม่มีบูรณาการ ทำให้พ้น ๆ หน้าที่ตัวเองเท่านั้น เป็นอย่างนี้ทุกเรื่อง ไม่ว่าปัญหาอะไร จนเกิดเรื่องใหญ่ หรือเป็นดราม่า แล้วก็จะ “สั่งการ” ตั้งคณะกรรมการ กระตือรือร้นสักพักค่อยเงียบหายไป
บางคนอาจบอกว่า ช่างหัวมัน รัฐไทยพึ่งไม่ได้ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ภาคธุรกิจก็พึ่งตัวเองมาตลอด แต่สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐบาลล้มเหลว ระบบพัง บนความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างรัฐบาลกับประชาชนที่ต้องการไล่ ระหว่างอำนาจอนุรักษนิยมกับคนรุ่นใหม่ เป็นมรสุมรอบด้านในสังคมไทย
กระทั่งในรัฐบาลเอง ก็เห็นรอยร้าวไม่มีทางบรรจบในพรรคพลังประชารัฐ สภาล่ม ตั้งประธานวิปใหม่ ตั้งคนไว้วางใจแต่ไร้คอนเนคชั่น แล้วออกมาตีกัน ใครจะใช้สภาล้มรัฐบาลก็ใจร้ายเกินไป
พูดให้ตลก ๆ แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็วางใจไม่ได้ ไม่รู้ทำโพลออกมายังไง ยกให้จุรินทร์เป็นนายกฯ (แปลว่าตู่ไม่ไหวแล้วใช่ไหม)
ประยุทธ์กำลังยื้ออำนาจไปเรื่อย ๆ โดยอ้างเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขยังไม่ประกาศใช้ ยังไม่สามารถยุบสภา โดยหวังว่าต้นปีหน้า สถานการณ์จะเป็นผลดีกับตัวเอง ระหว่างนี้ก็จับกุมคุมขังแกนนำม็อบ สยบคนต่อต้าน
ยื้อไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้ทุกด้านปะทุ ที่หวังว่าปีหน้าเศรษฐกิจดี ความไม่มีเสถียรภาพ การใช้อำนาจกดปราบจนถูกต่อต้าน นี่แหละจะทำให้ยิ่งพัง