โบรกฯแนะซื้อ SRICHA เป้า 23 บ. ชูแบ็กล็อกแน่น ลุ้นคว้า 5 งานใหม่ 6 พันลบ.

โบรกฯ แนะซื้อ SRICHA เป้า 23 บ. หลังกำไร Q3 โตแกร่งกว่ากลุ่ม โดยปัจจุบันมี Backlog แข็งแกร่ง 2.3 พันลบ. คาดรับรู้รายได้อีก 2 ปี ลุ้นพร้อมคว้างานเพิ่ม 5 โครงการ มูลค่า 6 พันล้านบาท   


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 64 ว่า บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 105 ล้านบาท (ลดลง 16% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน) สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 84 ล้านบาท เนื่องจากรายได้งานก่อสร้างที่ดีกว่าคาด ทำได้ 567 ล้านบาท (ลดลง 8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบจากปีก่อน)

โดยการชะลอตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากหลายโครงการอยู่ในช่วงท้ายโครงการ แต่เติบโตเด่นเมื่อเทียบจากปีก่อน ตามการรับงานใหม่ที่มีปริมาณมากขึ้น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นรับเหมาฯใกล้เคียงคาดที่ 28.5% ถือว่าทรงตัวสูงตามงานในมือที่มีมาร์จิ้นดี อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน) จากค่าใช้จ่ายป้องกัน COVID รวมถึงการเริ่มงานใหม่

สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 คิดเป็น 85% ของคาดการณ์ทั้งปี ขณะที่ทิศทางกำไรไตรมาส 4/2564 คาดชะลอตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หลังโครงการใหญ่ที่เป็นแหล่งรายได้หลักในช่วงก่อนหน้าอย่าง Harmony และ T3 ถูกส่งมอบ ขณะที่งานใหม่ที่รับเข้ามาเพิ่มอย่าง TOP และงานท่อของสิงคโปร์มีความคืบหน้าของงานไม่มากในช่วงเริ่มแรกของการก่อสร้าง

โดยฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 409 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 188% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ขณะที่งานใหม่จะมีเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ตามกรอบการรับรู้รายได้ 2 ปีในลักษณะ S-Curve หนุนให้กำไรปี 2565 คงคาดเติบโตดี 6% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 432 ล้านบาท บน Backlog ปัจจุบัน Secured 42% ของคาดการณ์รายได้ก่อสร้างที่ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งถือว่า Conservative กว่าเป้าของบริษัทที่ 2.5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 23 บาท (อิงค่า PER 17 เท่า) และคงคำแนะนำซื้อ ระยะสั้นหุ้นได้แรงหนุนจากงบไตรมาส 3/2564 ออกมาดีกว่าคาด และแข็งแกร่งกว่ากลุ่มรับเหมาฯที่หดตัวแรง เมื่อเทียบจากทั้งไตรมาสและปีก่อน รวมถึงปัจจุบันมี Backlog แข็งแกร่ง 2.3 พันล้านบาท รับรู้รายได้ไปอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงมีโอกาสได้รับงานส่วนเพิ่มของโครงการที่อยู่ระหว่างทำ บวกกับงานที่อยู่ระหว่างประมูล 5 โครงการ มูลค่า 6 พันล้านบาท พร้อมมีฐานะการเงินมั่นคงจากสถานะ Net Cash ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบนค่า PE ปี 2565 ที่ 12.3 เท่า ต่ำกว่า PYLON, SEAFCO, RT ซึ่งใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเช่นเดียวกันที่ซื้อขายเฉลี่ย 22.6 เท่า นอกจากนี้ คาดให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงราว 7-8% ต่อปี

Back to top button