GULF รับรายได้โรงไฟฟ้า-ปันผล INTUCH ดันกำไร Q3 โตกว่า 60% เฉียด 1.6 พันลบ.

GULF โชว์กำไรไตรมาส 3 โต 64% แตะ 1.58 พันลบ. จากปีก่อนกำไร 970 ลบ. ส่วนงวด 9 เดือนกำไรแตะ 4.62 พันลบ. โต 90% จากปีก่อนกำไร 2.43 พันลบ.


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 13,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.6% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16.3% จากไตรมาสก่อน

ประกอบไปด้วย 1) รายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจำกก๊าซธรรมชาติในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 10,414 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75.6% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/63 เพิ่มขึ้น 42.1% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 หลังจากที่ โครงการดังกล่าวได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 และรายได้จากโรงไฟฟ้า 12 SPPs ภายใต้กลุ่ม GMP ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยยังปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางเดียวกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติอีกด้วยขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 ปรับเพิ่มขึ้น 4.9% โดยหลักเพิ่มขึ้นจากราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นตามราคาค่าก๊าซธรรมชาติที่ ปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่ม GMP ยังมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นด้วย

2) รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 1,317 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.6% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/63 ปรับเพิ่มขึ้น 309.9% มีสาเหตุหลักมาจากรายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่ประเทศเยอรมนี ที่เริ่มรับรู้เข้ามาในงบการเงินรวมของบริษัทฯตั้งแต่ไตรมาส 4/63

อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนามปรับลดลงจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้มีการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) ในบางช่วงเวลา

ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้น 14.0% โดยหลักเป็นผลจากรายได้ของโครงการโรงไฟฟ้า BKR2 ที่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยด้านฤดูกาล รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล GCG มีปรมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่หยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานเป็นเวลา 10 วันในไตรมาสก่อน ทั้งนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ในประเทศเวียดนาม บันทึกรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบของการจำกัดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น

3) รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.4% ของรายได้รวม เป็นรายได้ค่าก่อสร้างตามสัญญาสัมปทานจำนวน 50 ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม MTP3 ในส่วนของงานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 2567 และบริษัทฯ เริ่มรับรู้รำยได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นมา

4) รายได้ค่าบริหารจัดการ ในไตรมาส 3/64 เท่ากับ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.9% จากไตรมาสก่อน จากการที่บริษัทฯ ให้บริการแก่กลุ่มบริษัทร่วม GJP ซึ่งเพิ่มขึ้นตามที่กำหนดในสัญญาให้บริการ รายได้จากการให้บริการแก่ HKP และโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัท GEC ตามสัญญา

5) รายได้อื่นในไตรมาส 3/64 เท่ำกับ 1,702 ล้านบาท โดยหลักเป็นเงินปันผลรับจำก INTUCH จำนวน 1,666 ล้านบาท

Back to top button