SUPER เดินหน้า COD ลมเวียดนาม 30 MW หนุนผลงาน Q4 สดใส  

SUPER จ่อ COD ลมเวียดนามเพิ่ม 30 MW หนุน Q4 สดใส โดยอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ เพื่อผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าจะเป็นโรงไฟฟ้าไฮบริดแห่งแรกที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และตั้งกำลังการผลิตรวมให้แตะระดับ 1,900 – 2,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565


นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER  เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวดไตรมาส 3/64 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564) มีรายได้รวม 2,035.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384.7 ล้านบาท หรือ 23.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,651.2 ล้านบาท  มีกำไรสุทธิ 586.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.8 ล้านบาท หรือ 10.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 531.6 ล้านบาท

สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 6,456.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,529.2 ล้านบาท หรือ 31.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,927.7 ล้านบาท  มีกำไรสุทธิ 2,499.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 973.6 ล้านบาท หรือ 63.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,526.0 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ SUPER มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าในพอร์ตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1,536.32 เมกะวัตต์ เช่น โครงการโซลาร์ฟาร์มฯในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 550 เมกะวัตต์ ซึ่งขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าขยะ  และโครงการต่างๆของกลุ่มบริษัท ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้น และสนับสนุนการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนรายได้ และกำไร

โดยบริษัทฯได้เริ่มเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม)ในประเทศเวียดนาม ภายใต้บริษัทย่อยของ บริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SWE) จำนวน 1 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมบนบก (Onshore) ที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ และเตรียม COD อีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564  อนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SSE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SUPER เข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“PTI”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ผู้ถือหุ้นเดิมใน PTI จำนวน 4,607,449  หุ้น คิดเป็น 50.996% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการจะทำให้ SSE ถือหุ้นใน PTI เพิ่มขึ้นจากเดิม 49.00% เป็น 99.996% และทำให้ SSE มีสิทธิในการออกเสียงและได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากเดิม 51.38% เป็น 99.996%

รวมทั้งอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ ไฮบริด จำกัด  (Super Solar Hybrid Company Limited) ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าจะเป็นโรงไฟฟ้าไฮบริดแห่งแรกที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย

“สำหรับ SUPER ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรวมให้ไปแตะระดับ 1,900 – 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2565 และมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งการมีแหล่งรายได้ระยะยาว ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น  ตลอดจนยังแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ  ที่มีศักยภาพการเติบโตต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน” นายจอมทรัพย์ กล่าว

Back to top button