พาราสาวะถีอรชุน
หยอดคำหวานตามสไตล์นักการทูต กลิน ทาวเซนต์ เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศว่า ปัญหาที่สหรัฐฯจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศรั้งท้ายของสถานการณ์การค้ามนุษย์หรือเทียร์ 3 ว่า เร็วๆ นี้จะมีเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ไทยเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้ เข้าใจว่าไทยให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ
หยอดคำหวานตามสไตล์นักการทูต กลิน ทาวเซนต์ เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศว่า ปัญหาที่สหรัฐฯจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศรั้งท้ายของสถานการณ์การค้ามนุษย์หรือเทียร์ 3 ว่า เร็วๆ นี้จะมีเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ไทยเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้ เข้าใจว่าไทยให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ
ได้ยินอย่างนี้แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐบาลคสช.คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่อย่างเพิ่งตีอกชกตัวเพราะในประเด็นที่เกี่ยวกับมิติทางการเมืองของไทยนั้น แม้ทูตมะกันจะปฏิเสธตอบเรื่องประชาธิปไตย แต่ก็ยืนยันจุดยืนที่เคยประกาศไว้ก่อนเข้ารับตำแหน่งโดยหวังว่าไทยจะเดินตามโรดแมปกลับสู่ประชาธิปไตยได้เหมือนเดิม
นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่ท่านทูตเตรียมจะเดินสายพบปะกับคนไทยทั่วประเทศ เพื่อถามความเห็นเกี่ยวกับโรดแมปและการปฏิรูปประเทศ ตรงนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะหากเดินทางไปในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือและอีสาน แต่งานนี้คงจะห้ามหรือหามวลชนจัดตั้งไว้คอยตอบคำถามไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามยถากรรม
เหมือนอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อเดินทางมารับตำแหน่งนอกจากจะเดินสายพบกับผู้นำประเทศและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว ทูตสหรัฐฯจะต้องเข้าพบหัวหน้าพรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยและประชาธิปัตย์แน่นอน เพื่อฟังเสียงสะท้อนของกระบวนการคืนประชาธิปไตยในประเทศไทย
ในส่วนของพรรคนายใหญ่นั้นพอจะเดาได้ว่าจะชี้แจงอย่างไร แต่ฝ่ายพรรคเก่าแก่ยากจะคาดเดา เพราะการเดินเกมการเมืองนั้นเปลี่ยนหน้าเล่นตลอดเวลา ถ้าจะให้วิเคราะห์คงต้องบอกว่าคนอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องมีวาทกรรมที่สวยหรูให้ผู้มาเยือนเคลิบเคลิ้มตามหลักการของพรรคการเมืองที่แสดงตัวว่ายืนอยู่เคียงข้างประชาธิปไตยของประเทศไทยมาอย่างยาวนานแน่นอน
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจในประเด็นที่นายเดวี่ส์จะเดินสายพบปะประชาชนเพื่อสอบถามถึงการปฏิรูป ไม่รู้ว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากน้อยขนาดไหน เพราะจนถึงเวลานี้หากมีใครไปสุ่มสำรวจความเห็นคนไทยทั้งประเทศ เชื่อได้เลยว่าผลที่ออกมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ยังไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลและคสช.จะปฏิรูปอะไรและเริ่มต้นตรงจุดไหน
ในส่วนของผู้มีอำนาจที่ชูยุทธศาสตร์ 3 ขาคือ ปฏิรูป ปรองดอง ลดความขัดแย้ง ผลการทำงานของสปช.ที่หมดวาระไปพร้อมๆ กับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีผลงานอะไรให้สัมผัสจับต้องได้ มิหนำซ้ำ ในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับดอกเตอร์ปื๊ดก็เห็นแววที่จะสร้างความขัดแย้งรอบใหม่มากกว่าจะสร้างความสามัคคีของคนในชาติ
ยิ่งในประเด็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติหรือคปป. มองมุมไหนก็ไม่เป็นประชาธิปไตย มากไปกว่านั้น ยังถือเป็นองค์กรที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปเสียอีก แต่เมื่อประเมินท่าทีของบิ๊กตู่และคนในรัฐบาลคสช.แล้ว อย่างไรเสียจะต้องคงให้มีคปป.ต่อไปแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่ากรธ.จะทำออกมาให้เนียนได้ขนาดไหนเท่านั้นเอง
เผือกร้อนดังกล่าวจึงตกไปอยู่ในมือของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ในฐานะเนติบริกรใหญ่ จะตามใจแป๊ะจัดให้ได้ตามใจปรารถนาหรือว่ามองต่างมุม แต่ถ้าย้อนอดีตของกูรูด้านกฎหมายรายนี้แล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะปฏิเสธความต้องการของผู้มีอำนาจ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองกันยาวๆ เขาจะใช้เหลี่ยมคูแบบไหนในการพลิกมุมภาษากฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อม เหมือนที่น้องรัก บวรศักดิ์ อุวรรณโณ โดนมรสุมมาก่อนหน้า
อย่างหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการอยู่เกิดความชอบธรรมแม้จะยังไม่ถึงขั้นตอนการทำประชามติ นั่นก็คือ เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะนักการเมือง พรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ที่เป็นเสมือนตัวแทนของประชาชนในซีกส่วนความขัดแย้ง หากเปิดกว้างอย่างตั้งใจเชื่อได้ว่า เสียงเชียร์น่าจะดังกว่าเสียงต้านอย่างแน่นอน
นั่นหมายความว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ทำตัวเหมือนสิ่งที่รัฐบาลคสช.พยายามจะทำเช่นโครงการซิงเกิล เกตเวย์ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า อะไรก็ตามที่พยายามจะให้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว คนส่วนใหญ่ย่อมรับไม่ได้ จะไปฝืนกระแสแห่งสิทธิเสรีภาพนั้นเป็นเรื่องยาก แม้ผู้มีอำนาจจะตั้งใจขีดกรอบให้อยู่ในวงจำกัดก็ตาม
ฟัง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำทีมเศรษฐกิจไปขายฝันเรื่องการสางปมเศรษฐกิจแล้ว แนวคิดปฏิรูป 4 ด้านคือ ปรับสมดุลเศรษฐกิจ เพิ่มประสิทธิภาพภาคการผลิต ส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบเครือข่ายวิสาหกิจหรือคลัสเตอร์และการเชื่อมโยง หรือ Connectivity แล้ว ได้แต่หวังว่าเฮียกวงและชาวคณะจะเดินหน้าสร้างฝันนี้ให้เป็นจริงได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีปัจจัยลบใดมาทำให้เกิดการสะดุดหรือไม่
คดีจำนำข้าวที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายเป็นตำบลกระสุนตก กับปมรัฐบาลคสช.เตรียมใช้คำสั่งทางปกครองความผิดทางละเมิดเรียกค่าเสียหาย 5 แสนล้านบาท นอกจากบิ๊กตู่และ วิษณุ เครืองาม จะประสานเสียงกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้ว โฆษกรัฐบาลอย่าง สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็ร่วมผสมโรงด้วย จนล่าสุด นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความอดีตนายกฯหญิงออกมาตอกกลับหน้าหงาย
โดยซัดกลับโฆษกไก่อูให้หยุดฟื้นฝอยหาตะเข็บอย่าพูดล้ำเส้น ถ้าไม่รู้ระเบียบการสอบสวน พร้อมๆ กับกระทืบเท้าขู่จะนำเอาคำพูดของบิ๊กตู่มาประจานแฉให้คนไทยได้รับรู้ กรณีเร่งเดินหน้าเรียกค่าเสียหาย หวังเพิ่มน้ำหนักในคดีอาญา เพราะอย่างที่รู้กันในสำนวนของป.ป.ช.มีแต่การชี้มูลความผิดละเลยแต่ไม่มีผลความเสียหาย จึงต้องหาเหตุเอาไปเติม
กรณีเช่นนี้คล้ายๆ กับที่อัยการสูงสุดตั้งโต๊ะแถลงสั่งฟ้องก่อนที่สนช.จะลงมติถอดถอนอดีตนายกฯหญิงแค่หนึ่งชั่วโมง สงสัยใครที่คิดว่าคนที่ไม่ใช่นักการเมืองเล่นเกมการเมืองไม่เป็น คงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะหลายๆ เหตุการณ์มันพิสูจน์แล้วว่า คนพวกนี้ยิ่งกว่าเซียนการเมืองเหยียบเมฆและอาจจะสามานย์กว่าเสียด้วยซ้ำ