MINT ส่งซิกปี 65 “โรงแรม” ฝั่งยุโรป-ไทยฟื้น! จัดงบ 6 พันลบ.เพิ่มสาขาร้านอาหาร
MINT คาดธุรกิจโรงแรมและอาหารปี 65 ฟื้นรับเปิดประเทศ-มาตรการรัฐกระตุ้นศก.พร้อมเผยแผนขยายสาขาเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลบริการจัดส่งอาหาร วางงบลงทุนไว้ที่ 6 พันลบ.ปรับลดลงจากแผนเดิมกว่า 30% เพื่อรักษาสภาพคล่อง
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ว่าบริษัทฯ มองแนวโน้มธุรกิจโรงแรม หรือ ไมเนอร์ โฮเทล ในปี 2565 จะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่อยู่ระดับ 1 แสนราย หลังจากเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวในประเทศเองก็เริ่มออกไปท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น หลังจากการเร่งฉีดวัคซีนของภาครัฐ สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 หรือ ทัวร์เที่ยวไทย เป็นต้น
ขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันโรงแรมในทวีปยุโรปมากกว่า 95% ได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ โดยแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากภาคการท่องเที่ยว เพื่อการพักผ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองรอง รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเพื่อทำธุรกิจ จากการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางทั่วทั้งทวีปยุโรปที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 ส่งผลให้โรงแรมในทวีปยุโรปมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงขึ้นอยู่ที่ 60% ในเดือนต.ค.และช่วงต้นเดือนพ.ย.2564 ประกอบกับราคาค่าห้องพักที่สูงขึ้นอยู่ที่มากกว่า 100 ยูโร ซึ่งเข้าใกล้ระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงปี 2562
อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 เนื่องจากสามารถกลับมาจัดงานอีเวนท์และการจัดการประชุม ท่องเที่ยว และนิทรรศการ ซึ่ง เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เริ่มได้รับการสอบถามและจองห้องพักสำหรับปี 2565 แล้วประเทศออสเตรเลีย ได้เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดทางการเดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากประชากรชาวออสเตรเลียมากกว่า 70% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ส่วนประเทศมัลดีฟส์ คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว และการที่ประเทศมัลดีฟส์ไม่มีนโยบายการกักตัวนักท่องเที่ยวและความพยายามในการขายของไมเนอร์ โฮเทลส์ คาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์จะยังคงแข็งแกร่ง จากการขึ้นอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย ส่งผลให้สามารถคงรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ได้
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดให้บริการโรงแรม (โรงแรมที่บริษัทฯเป็นเจ้าของเองและเช่า) อีกประมาณ 7 แห่ง คิดเป็นจำนวน 1,548 ห้อง และยังมีโรงแรมที่เป็น management contract ราว 17 โรงแรม คิดเป็นจำนวน 3,949 ห้อง
สำหรับธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัลและบริการจัดส่งอาหาร ตลอดจนการขยายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบครัวกลาง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารต่อไป
ด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ บริษัทฯ ยังคงผลักดันรายได้ผ่านการขายในทุกช่องทาง โดยใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ นอกจากนี้การเลือกซื้อสินค้า การจัดการสินค้าคงเหลือ และการเจรจากับเจ้าของแบรนด์ในเรื่องการคืนเงินและส่วนลด ยังคงเป็นสิ่งที่ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ ให้ความสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
อย่างไรก็ตามในปี 2565 บริษัทฯ วางงบลงทุนปกติไว้ที่ 6,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานปกติ ซึ่งงบลงทุนดังกล่าวได้มีการปรับลดลงจากแผนเดิมกว่า 30% เพื่อรักษาสภาพคล่อง