โบรกฯมองกลุ่มอุตสาหกรรมนิคมฯยังไม่สดใสตามภาวะศก.ยังซบเซา

โบรฯกมองอุตสาหกรรมนิคมฯ จะยังไม่สดใสในปี 59 ตามภาวะการฟื้นตัวของโลกที่ยังซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ อีกทั้งการแข่งขันจากนิคมฯในประเทศเพื่อนบ้านก็แย่งลูกค้าจากไทยไป โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องค่าแรงงานไทยที่สูงขึ้น รวมทั้งการแข่งขันส่งเสริมสิทธิประโยชน์จากภาครัฐของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นกลุ่มนิคมฯได้ปรับตัวลงมากเกินไป หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ AMATA ราคาพื้นฐาน 21.80 บาท และ WHA ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของ HEMRAJ ราคาพื้นฐาน 4.08 บาท ส่วนที่เดิมแนะนำ ถือคือ ROJNA ราคาพื้นฐาน 6.50 บาท แต่ราคาปิดขยับมาเท่าราคาพื้นฐานแล้ว จึงอาจต้องระวังแรงขายทำกำไร หากราคาหุ้นปรับขึ้นไปได้อีก


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ว่า นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ยอดขายพื้นที่นิคมฯ ในปีงบประมาณ 2558 นี้ คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2,500 ไร่ จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ไร่ เนื่องจากเอกชนทั้งไทยและต่างชาติชะลอการลงทุน โดยนิคมฯ ขนาดใหญ่ที่ได้รับกระทบยอดขายลดลงมาก คือ นิคมฯ อมตะ และนิคมฯ เหมราช ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดย กนอ. จะขอติดตามยอดขายในไตรมาสสุดท้ายก่อน

ขณะที่ในปี 2559 จากการที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอในการสนับสนุนกลุ่มคลัสเตอร์ 6 – 7 กลุ่มสินค้า จะดึงดูดการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมให้เติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนปิโตรเคมี (Sanook Money)

ผลกระทบ: การที่รัฐออกนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่นักลงทุนและนักวิเคราะห์จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มที่อยู่อาศัยจะได้รับประโยชน์ แต่อย่าลืมว่าหลักทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์ด้วยคือ นิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ในส่วน 1% ที่เคยช่วยออกให้ลูกค้า จะลดลงเหลือเพียง 0.01%

อีกทั้งลูกค้าเองก็สามารถประหยัดค่าจดจำนองจากเดิม 1% ลดเหลือ 0.01% ภายในกรอบเวลาของมาตรการเป็นเวลา 6 เดือน เป็นที่ยอมรับกันว่ายอดขายนิคมฯในไทยปี 58 ชะลอตัวลงมาก อันเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงกว่าคาด ทำให้เม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) หดหายไปด้วย อีกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโดยเฉพาะตลาดในประเทศก็ยังอยู่ในภาวะซบเซาจากโครงการรถยนต์คันแรก ดังนั้นจึงต้องติดตามปัจจัยเหล่านี้ในปี 59 รวมทั้งเรื่องการส่งเสริมลงทุน โดยจัดกลุ่มคลัสเตอร์ของภาครัฐว่าจะช่วยได้หรือไม่

คำแนะนำ: เรามองว่าอุตสาหกรรมนิคมฯ จะยังไม่สดใสในปี 59 ตามภาวะการฟื้นตัวของโลกที่ยังซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ อีกทั้งการแข่งขันจากนิคมฯในประเทศเพื่อนบ้านก็แย่งลูกค้าจากไทยไป โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องค่าแรงงานไทยที่สูงขึ้น รวมทั้งการแข่งขันส่งเสริมสิทธิประโยชน์จากภาครัฐของแต่ละประเทศ

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นกลุ่มนิคมฯได้ปรับตัวลงมากเกินไป หลักทรัพย์ที่แนะนำ ซื้อ คือ AMATA ราคาพื้นฐาน 21.80 บาท และ WHA ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของ HEMRAJ ราคาพื้นฐาน  4.08 บาท  ส่วนที่เดิมแนะนำ ถือคือ ROJNA ราคาพื้นฐาน 6.50 บาท แต่ราคาปิดขยับมาเท่าราคาพื้นฐานแล้ว จึงอาจต้องระวังแรงขายทำกำไร หากราคาหุ้นปรับขึ้นไปได้อีก

Back to top button