IRPC คาดปี 65 ปริมาณการกลั่น 1.95-2 แสนบาร์เรล/วัน ปักธงปี 73 อีบิทด้า 3 หมื่นลบ.
IRPC เปิดกลยุทธ์ 3 ด้านขับเคลื่อนธุรกิจ คาดปี 65 ปริมาณการกลั่น 1.95-2 แสนบาร์เรล/วัน ปักธงปี 73 อีบิทด้า 3 หมื่นลบ. เดินหน้าต่อยอดธุรกิจเดิม พร้อมขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง
นางสาวกัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยเปิดเผยภาพรวมธุรกิจผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตแตะ 30,000 ล้านบาทในปี 2573 และจะรักษาระดับ EBITDA ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทในช่วงปี 2565-2568 จากช่วง 9 เดือนของปี 2564 ที่อยู่ที่ 23,868 ล้านบาท เติบโต 2,520% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการจะไปสู่เป้าหมายดังกล่าวนั้น ที่ผ่านมาบริษัทกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรขึ้นใหม่ คือ การเป็นองค์กรสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงานเพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น จากเดิมที่เน้นการเป็นผู้ผลิต วางกลุยุทธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วย STRENGTHENING THE CORE, STRIVING THE GROWTH, SUSTAINING THE FUTURE ผ่านการดำเนินงานใน 3 ส่วนหลัก คือ
1.Core Uplift การต่อยอดจากธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งปิโตรเลียมและโรงกลั่น โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนผลิตภัณฑ์สินค้ากลุ่มชนิดพิเศษ (Specialty) เติบโตเป็น 52% ในปี 2568 จากปีนี้อยู่ที่ 20% ซึ่งจะมุ่งเน้นในกลุ่มของ Medical & Hygiene, Automotive, Electronic and appliance, Construction รวมถึงการนำพื้นที่ว่างเปล่ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Advance Material, Health Life and Science, Bio product เป็นต้น
2.Adjacent Business ขยาย Value Chain จากธุรกิจที่มีอยู่ โดยจะมุ่งสู่ Go Hygiene และ Go Convertor
3.Step Out Business การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำ เพื่อตอบโจทย์ในฝั่งของ Material Solution and Energy Solution
สำหรับการลงทุนในส่วนของการต่อยอดจากธุรกิจเดิม บริษัทจะลงทุนเอง ส่วนธุรกิจด้านอื่นๆ จะมุ่งเน้นการลงทุนไปกับพันธมิตรที่มีความชำนาญ ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบการเข้าไปร่วมลงทุน (JV), การซื้อกิจการ (M&A) เป็นต้น
ด้านแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2565 มองว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (Spread) ในกลุ่มปิโตรเคมีและปิโตรเลียม มีทิศทางที่ดีขึ้น จากโควิด-19 ที่คลี่คลาย ขณะที่กำลังการผลิตใหม่ที่คาดจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอาจไม่ได้มากอย่างที่กังวลกัน เนื่องด้วยยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนานของประเทศจีนมีผลกระทบต่อกลุ่มปิโตรเคมีมากขึ้น ซึ่งกำลังการผลิตที่จีนมีในปัจจุบันก็อาจจะเดินเครื่องได้ไม่เต็มที่ ทำให้ Spread ในปีหน้าคาดว่าจะยังดีอยู่
นอกจากนี้คาดว่าปริมาณการกลั่นในปี 2565 อยู่ที่ 1.95-2 แสนบาร์เรล/วัน โดยบริษัทมีแผนจะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีหน้า