ปลาย Q4 ตัวพลิกเกม

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเหมือนที่ “โมนิก้า” เม้าท์ให้ฟังตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนว่า ทุกอย่างจะเล่นหนักขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ เพราะสตอรี่ดี ๆ จะถูกปูออกมาเยอะขึ้น ซึ่งทำให้หุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กจะขนของออกมาโชว์กันแบบโจ๋งครึ่ม โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของปี 64 น่าจะเป็นตัวพลิกเกมที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่า ผลงานไตรมาส 4 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 3 และจะเป็นบันไดก้าวไปสู่ผลงานสุดอลังฯ ในปี 65 นะจะบอกให้

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,649.54 จุด บวกไป 4.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.44 หมื่นล้านบาท จึงกลายเป็นภาพที่ย้ำหัวหมุดให้คนเล่นหุ้นรู้ว่า ข่าวดีเริ่มเยอะขึ้นแล้วจริง ๆ และคนที่กระโจนใส่ไม้แรก ๆ ย่อมได้เปรียบคนที่เข้ามาทีหลัง และเรื่องนี้เปรียบได้กับการถล่มแบงก์ใหญ่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน แต่เปิดหัววันจันทร์ปุ๊บ แรงซื้อก็ไหลกลับเข้ามาทันที น้องโมเลยรู้ว่า เขย่าเอาของไงล่ะคะ

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมายืนดูสตอรี่ของหุ้นแต่ละตัวเพลินตาขนาดไหน? เพราะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หุ้นขึ้นยืนระยะได้นานขนาดไหน? รวมทั้งเป็นตัวกำหนดราคาหุ้นที่ขึ้นมาเที่ยวนี้สตรองไหม? เดี๊ยนจึงไม่อยากทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง เพราะทุกคนกำลังเมามันกับข่าวดีที่ถูกโปรยออกมาเรื่อย ๆ แถมยังได้แรงเชียร์จากโบรกเกอร์ให้ใส่ไม่ยั้ง มันก็เลยเถิดเทิงอย่างที่เห็นนี่แหละ!

*โดยเฉพาะในรายของหุ้น TRUE เปิดกระโดดตั้งแต่หัววัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 4.76 บาท บวกไป 0.44 บาท หรือขึ้นไป 10.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 หมื่นล้านบาท ก็มีจากราคาเทนเดอร์ฯ ที่อยู่ในระดับ 5.09 บาท ซึ่งเปิดช่องให้นักเล่นใส่ได้เต็มเหนี่ยว และยังเหลือแก๊ปให้ “เล่นรอบ” อีกพักใหญ่ ต่อจากนั้นจะเข้าสู่โหมดที่ทุกอย่างมีผลอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นก็จะสงบนิ่งเองล่ะจ้ะ

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้น DTAC ก็เข้าสู่เกมปันผลออกก่อนสวอปหุ้น ซึ่งเป็นสูตรปกติที่เห็นได้เป็นประจำ ผนวกกับดีลนี้จะเสร็จลุล่วงในช่วงกลางปีหน้า “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 45 บาท บวกไป 3.75 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.05 พันล้านบาท เพราะราคาเทนเดอร์ฯ ของรายนี้ก็ปาเข้าไป 47.76 บาท ซึ่งมีแก๊ปให้เล่นกันอีกนิดหน่อยนะนายจ๋า!

*ส่วนรายที่โหนกระแสกับเขาอย่างรวดเร็วอย่าง ADVANC ก็มีการบรรยายสรรพคุณไปถึงขั้นที่ว่า การแข่งขันนับจากนี้จะไม่รุนแรง และน่าจะเป็น “ผลดี” กับบริษัทมากกว่า “ผลเสีย” ราคาหุ้นเลยกระโดดขึ้นมาปิดที่ 209 บาท บวกไป 13 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.24 พันล้านบาท พร้อมกับปรากฏไส้แท่งเทียนโผล่ทั้งหัวทั้งท้าย มันเป็นหมายความว่า เกมวันนี้มีสิทธิ์ออกไปในทางลบเจ้าค่ะ

*สำหรับรายที่ออกไปในทางบวกสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น UBE แบบไม่ลังเลใจ เพราะที่ผ่านมาได้ผ่านกระบวนการเขย่าหนัก ๆ แถมกลุ่มผู้ถือใหญ่ที่เคยมีปัญหา ก็ขายหุ้นจนเกลี้ยงพอร์ต โอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปยืนราคาเป้า 3.20 บาท จึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.38 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 12.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.45 พันล้านบาท ซึ่งเหลืออีกช่องเดียวก็เท่ากับราคาไอพีโอแล้วนะจ๊ะ

*ในเมื่อสถานการณ์โดยรวมดูดีขึ้นเป็นกอง “โมนิก้า” ย่อมเล็งผลไปที่หุ้นดาวเด่นอย่าง GUNKUL เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายหนัก ๆ เริ่มสะเด็ดน้ำ แถมหุ้นยังย่ำฐานที่บริเวณ 4.70 บาทร่วมสองสัปดาห์ จึงเปิดช่องให้ขาลุยเข้ามาเก็งกำไรรอบใหม่อีกครั้ง เลยอยากถามแฟน ๆ อันเป็นที่รักว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.84 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาท เทียบกับยอดเดิมที่เคยทำไว้แถว 5.70 บาท น่าสนใจอ๊ะป่าว?

*ไหน ๆ ก็มาแนวเก็งกำไรกันทั้งที “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้นขนส่งตัวเทพอย่าง WICE เพื่อชี้ให้เห็นแนวโน้มกำไรโตทุกไตรมาสไม่ได้มาเล่น ๆ และทุกคนก็ยังเชื่อว่า ปีหน้าจะไปได้สวยอีกแน่นอน เพราะทันทีที่รถไฟ จีน-ลาว กดปุ่มเดินรถในเดือนหน้าอย่างเป็นทางการ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการต่าง ๆ ดีขึ้นเป็นทวีคูณ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ 13.80 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 348 ล้านบาท มันสัมพันธ์กับเรื่องที่เม้าท์ให้ฟังขนาดไหน..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ