GLOBAL ภารกิจใหม่ใต้ร่ม SCC

เป็นที่ทราบกันดีว่าเครือซีเมนต์ไทยหรือปูนใหญ่ ถือหุ้นสำคัญในบริษัทค้าปลีกด้านวัสดุก่อสร้าง สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) มานานหลายปี โดยที่มีการแยกการบริหารออกเป็นอิสระ ไม่ใช่บริษัทในเครือ หรือเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายซีเมนต์ไทย โฮมมาร์ท แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวกลับเป็นผลดีเพราะช่วยให้ GLOBAL ขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น และขายสินค้านอกจากเครือข่ายของซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ทได้สะดวกกว่า

ผลประกอบการที่โดดเด่นของ GLOBAL ในช่วง 5 ปีมานี้ มาจากความสัมพันธ์กึ่งอิสระชัดเจนยิ่ง

โดยเฉพาะสาขาที่เติบโตกว่า 70 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ด้วยขีดความสามารถที่ทำกำไรเติบโตทั้งปริมาณ (กำไรสุทธิที่จาก 1,608.57 ล้านบาทในปี 2560 มาถึงปัจจุบันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 2,597.20 ล้านบาท) และคุณภาพ (อัตรากำไรสุทธิ 10% ล่าสุดที่ดีกว่าในอดีตเมื่อ 4 ปีก่อนที่ต่ำ 5% และบุ๊กแวลูที่ล่าสุด 4 บาท จากในอดีตที่ต่ำกว่า 2 บาทเท่านั้น

ปัจจุบัน GLOBAL มีสาขา 75 แห่ง มียอดขายปีละกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ถือเป็นผู้ค้าปลีกทางด้านวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ที่ไม่ใช่ที่สุดก็ระดับนำของประเทศ รองก็แค่ HMPRO แต่ความสามารถทำกำไรสูงกว่าหลายเท่า และมูลค่าทางบัญชีก็สูงกว่ามาก (เนื่องจากเพิ่มทุนน้อยกว่า)

ล่าสุด GLOBAL กำลังจะเปลี่ยนฐานะใหม่ในระดับต่างประเทศในการที่จะเป็นหัวหอกทะลวงฟันในธุรกิจค้าปลีกแบบโมเดิร์นเทรด ของค่ายปูนใหญ่ในกลยุทธ์การตลาดเชิงลึก โดยผ่านบริษัทร่วมทุนชื่อบริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (GBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GLOBAL และ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (บริษัทย่อยของ SCC) ในสัดส่วน 50:50% โดยเป็นการทดลองในตลาดปราบเซียนที่อินโดนีเซียที่ใหญ่สุดในอาเซียน

GBI ได้เข้าซื้อหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัท Caturkarda Depo Bangunan (CKDB) จำนวน 865,653,100 หุ้น คิดเป็น 12.75% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ที่ราคา 482 อินโดนีเซียรูเปียห์ต่อหุ้นคิดเป็นเงินลงทุน 418 พันล้านอินโดนีเซียรูเปียห์ หรือประมาณ 981 ล้านบาท

CKDB เป็นผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่งเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่งบ้านและสวนแบบครบวงจร ในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้แบรนด์ร้านค้า Depo Bangunan การลงทุนของ GBI ในครั้งนี้จะส่งเสริมกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคอาเซียน (โดยที่ GBI อาจมีการลงทุนเพิ่ม เมื่อมีความเหมาะสม)

นี้คือการเพิ่มช่องทางและโอกาสเจาะตลาดที่เรียกกว่า Think globally, act locally ที่มีนัยสำคัญยิ่ง

การเจาะตลาดอาเซียนคือการสั่งสมประสบการณ์ที่มีความหมายทั้งในด้านการแสวงหาโอกาส และช่องทางทำกำไรในระยะยาวที่มีพี่เลี้ยงรายสำคัญคือปูนใหญ่ที่มีสินค้ารองรับมากหลาย แต่ความสัมพันธ์แบบกึ่งอิสระที่มีความยืดหยุ่นก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีความเหมาะสมกับการสร้างรายได้ที่มีพลวัตสูงกว่าการเป็นบริษัทใต้ร่มธงเต็มรูป

การบุกตลาดต่างประเทศไปในฐานะหัวหอกของการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่มีรูปแบบยืดหยุ่น จะสามารถให้หลักประกันกับอนาคตของ GLOBAL ในระยะยาวได้ดี แม้ว่าในระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างเช่นในตลาดฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

อนาคตของ GLOBAL บนเส้นทางสายใหม่น่าจะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากส่วนความสามารถทำกำไรนั้นคงต้องขึ้นกับภาวะตลาดที่มุ่งไปว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีเพียงใด อย่างน้อยสุดก็ยังดีกว่าการพึ่งพาตลาดในประเทศที่เริ่มมีการแข่งขันเข้าข่าย “ทะเลสีแดง” มากขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวอย่างความสำเร็จของค่ายปูนใหญ่ในรอบ 10 ปีจากการเดินหน้ารุกตลาดอาเซียนจริงจังก็นำร่องให้ประจักษ์แล้ว