SET ขึ้นกรอบจำกัด- Fund Flow ยังไหลเข้าเกาะติด 13 หุ้นมีปัจจัยบวก-เก็ง Q3 งบฯสวย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ขึ้นกรอบจำกัด โดยปัจจัยที่น่าจับตาวันนี้คือตัวเลข GDP ของจีนหากออกมาต่ำกว่าตลาดคาดก็จะกดดันดัชนีได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศจับตาการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของกลุ่มแบงก์ซึ่งคาดว่าจะออกมาต่ำตามคาด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.33 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในช่วงเช้าวันนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ขึ้นกรอบจำกัด โดยปัจจัยที่น่าจับตาวันนี้คือตัวเลข GDP ของจีนหากออกมาต่ำกว่าตลาดคาดก็จะกดดันดัชนีได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศจับตาการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของกลุ่มแบงก์ซึ่งคาดว่าจะออกมาต่ำตามคาด
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ BCP, KCE, ITD, SVOA, LIT,SAMART, IFEC, SAWAD, ADVANC, TVO, INTUCH, BTS และCENTEL
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้แต่คงเป็นไปในกรอบจำกัด เนื่องจากยังเชื่อในเรื่องกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าอยู่
แต่ทั้งนี้ สัปดาห์นี้ยังต้องติดตามตัวเลข GDP ของจีนที่จะประกาศในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดเติบโต 6.8% หากออกมาต่ำกว่าตลาดคาดก็จะกดดันดัชนีฯได้ นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ซึ่งคงจะไม่มีอะไรมาก อัตราดอกเบี้ยคงจะอยู่ในระดับต่ำเหมือนเดิม
ด้านในประเทศก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไม่มีอะไร คงเป็นแค่การกำหนดกรอบเมกะโปรเจคเท่านั้น อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของกลุ่มแบงก์ และสัปดาห์หน้าก็การประกาศผลประกอบการของกลุ่มพลังงานตามมา ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,412-1,427 จุด
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้มีมุมมองเป็นกลางถึงบวก โดยเชื่อว่าจะมี 2 ปัจจัยที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ได้แก่ I) รายงานผลประกอบการ 3/15 ของหุ้นแบงก์ที่คาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน แต่อาจจะออกมาดีกว่าคาดได้ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา TISCO ประกาศงบออกมาดีกว่าที่คาดไว้ II) เช้าวันนี้จีนจะรายงานตัวเลขจีดีพี 3/15 ซึ่งตลาดคาดว่าจะเติบโต 6.8%YoY เทียบกับ 7% ใน 1/15 และ 2/15 ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะตามคาดหรือหากต่ำคาดก็จะเป็นปัจจัยบวกเพราะตลาดจะคาดการณ์ว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอและเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำจะยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดอาจต้องเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นปีหน้า ซึ่งจะยังส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้เม็ดเงินจาก LTF และ RMF จะเป็นอีกแรงที่จะหนุนตลาดหุ้นในช่วงนี้ ซึ่งเชื่อว่า SET น่าจะแกว่งอยู่ในกรอบ 1,410-1,440 จุด
Trading วันนี้: SAWAD (คาดกำไร 3Q15 จะออกมาดีทั้ง QoQ และ YoY)
Positive Sector Outlook : กลุ่มเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว โรงพยาบาล ก่อสร้าง และพลังงานทดแทน
High Div. Stock: ADVANC, TVO, INTUCH, BTS
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) คาดดัชนีวันนี้รีบาวด์กรอบจำกัด คาดต่างชาติยังซื้อสุทธิ เก็งกำไรเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ส่วนปัจจัยสำคัญวันนี้ได้แก่ GDP ไตรมาส 3/58ของจีน หากออกมาตามคาดที่ 6.7% หรือมากกว่านั้น จะเป็นบวกต่อตลาด/หรือหากต่ำคาดแต่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การเงินออกมาด้วย ก็เป็นบวกต่อตลาดเช่นกัน ด้านปัจจัยภายในงบไตรมาส 3/58 ของกลุ่มธนาคารเป็นประเด็นหลักของสัปดาห์นี้ โดยมองกำไรของกลุ่มจะลดลง 21% จากปีก่อน และลดลง 15% จากไตรมาสก่อน จากกการตั้งสำรองหนี้เสียที่สูงขึ้น แต่เชื่อว่าการลดลงของผลประกอบการดังกล่าวรับรู้ในราคาหุ้นเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงเป้า SET ปีนี้ที่ 1,444 จุด
หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร SVOA+LIT /สะสม SAMART +IFEC
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยสุดสัปดาห์ก่อนปิด -0.49% สถาบันขายสุทธิ -1.47 พัน ลบ. ต่างชาติยังสุทธิในตลาดหุ้นและมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน -1.4 พันสัญญา ตลาดพันธบัตรต่างชาติสุทธิ -3.3 พัน ลบ. หลังจากเงินเริ่มทรงตัว สัปดาห์นี้กลุ่มธนาคารเริ่มทยอยประกาศงบ Q3/58 , วันพุธ มีการประชุมระหว่าง OPEC กับ Non Opec ส่วนวันพฤหัสจะมีการประชุม ECB
กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับที่ 1,410 จุด หากยืนได้ทิศทางตลาดยังเป็นลักษณะ Sideway Up ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,440 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BCP , KCE , ITD ที่มีสัญญาณโมเมนตัมบวกทางเทคนิค
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) กลยุทธ์ : ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ปรากฏว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก ยังปรับตัวลงในแดนลบแม้จะรีบาวน์ขึ้นได้แรงในช่วงต้น-กลาง ต.ค. แรงกดดันในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ยังคงเป็นความกังวลถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลงและการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ของกองทุนใหญ่ๆทั่วโลก การปรับตัวขึ้นของดัชนีในตลาดเหล่านี้ในช่วงที่ผ่านมา มาจากเหตุผลของการคาดการณ์ว่าทาง FED อาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นอย่างไรยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐต่อไป
สำหรับตลาดหุ้นไทย หลายๆกลุ่มดีดตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มีหลายกลุ่มที่ยังขึ้นได้ไม่มากและเป็นกลุ่มสำคัญที่กำลังมีข่าว อย่าง สื่อสาร ท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ หากตลาดยังประคับประคองตัวหรือยังยืนเหนือ 1400 จุด ได้ กลุ่มเหล่านี้ยังน่าสนใจในการเก็งกำไรและน่าจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีก
วันนี้คาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวแบบ sideway รอดูตัวเลข GDP ไตรมาส 3/58 ของจีนว่าจะประกาศออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าคาด หากประกาศออกมาดีกว่าคาดตลาดอาจฟื้นตัวได้ แต่หากออกมาแย่กว่าคาดตลาดก็อาจจะมีการปรับฐานต่อ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แนะนำให้ทยอยขายทำกำไรหากตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นและรอจังหวะการเข้าซื้อเล่นรอบอีกครั้งที่ระดับ 1400 จุดหากตลาดปรับฐานลงมาและสามารถยืนได้ วันนี้ให้แนวรับที่ 1400-1410และแนวต้านที่ 1425-1430 จุด
Themes play : แนะนำ ซื้อ หุ้น CENTEL