OTO ธุรกรรมรถด่วน.!
จู่ ๆ OTO ก็ออกมาแจ้งมติบอร์ดให้บริษัทลูก บริษัท อินโน ฮับ จำกัด ขายหุ้น IMG ให้กับบริษัท เอชพีเอส วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ต๊กกะใจหมดเลย..!! จู่ ๆ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ก็ออกมาแจ้งมติบอร์ดให้บริษัทลูก บริษัท อินโน ฮับ จำกัด ขายหุ้นบริษัท อินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (IMG) ซึ่งทำธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับการผลิตสื่อโฆษณาในประเทศไทย ให้กับบริษัท เอชพีเอส วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มูลค่า 6 ล้านบาท ไปซะแล้ว…
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ OTO หมายมั่นปั้นมือกับอินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป ไว้เยอะ…เห็นได้จากมติบอร์ดเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 67.72% จากผู้ถือหุ้นเดิม 3 ราย ได้แก่ “สุภสิทธิ์ รักกสิกร” “เมธวิน อังคทะวานิช” และ “ทศพล สุรวาศรี” มูลค่า 5 ล้านบาท
โดยมีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนว่า ภายใน 4 เดือนหลังจากเข้าทำธุรกรรมซื้อหุ้นเดิมแล้วเสร็จ จะต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ อินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป อีก 25.64% มูลค่า 10 ล้านบาท
โอเค…แม้การลงทุนครั้งนี้จะลงทุนผ่าน อินโน ฮับ แต่ก็เปรียบเสมือน OTO นั่นแหละ เพราะเป็นลูกในไส้ถือหุ้น 100%
แต่ผ่านไปผ่านมา ภายใน 4 เดือนหลังทำธุรกรรม ปรากฏว่าสุดท้ายแล้วแทนที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุน กลับขายหุ้นทิ้งซะงั้น…
ทำให้เกิดความฉงนสนเท่ห์กับดีลนี้ยิ่งนัก…ตอนแรกก็ดูเหมือนจะจริงจังอ่ะนะ แล้วไหงขายทิ้งไปเสียล่ะ..!!
เอ๊ะ..!! จะว่าซื้อมาเก็งกำไรระยะสั้น ก็ไม่น่าจะใช่..!? เพราะตอนซื้อมา 5 ล้านบาท แต่ขายไป 6 ล้านบาท มีกำไรแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น
ว่าแต่ดีลนี้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือเปล่าน้อ..? ทำไมดีลถึงล้มง่ายดายจัง..!!
ที่จริงถ้าย้อนไปดูผลงานของ อินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป ก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นะ พอมีกำไรติดปลายนวมอยู่บ้าง…โดยปี 2561 มีรายได้ 40.41 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.82 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 70.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.11 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 43.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.89 ล้านบาท
นั่นหมายความว่า ถ้าสถานการณ์โควิดคลี่คลาย แบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่เคยแตะเบรกใช้งบโฆษณา ก็น่าจะหันมาเหยียบคันเร่งมากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงโอกาสการเติบโตของอินไซท์ มีเดีย กรุ๊ป ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย…แต่ทำไม OTO ชิงขายหุ้นทิ้งไปเสียก่อนล่ะ..? อันนี้น่าคิด
แถมคนที่เข้ามาซื้อ บริษัท เอชพีเอส วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก็เป็นบริษัทที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่เอี่ยมอ่องเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2564 นี้เอง
แหม๊…มันชักยังไง ๆ อยู่นะเนี่ย…
ขณะที่ถ้าย้อนไปดูราคาหุ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. เป็นต้นมา ก็สวิงสวายน่าดู…จากเมื่อต้น ก.ค. ราคาวิ่งอยู่ที่ 5–6 บาท ผ่านมา 5 เดือนเศษ วิ่งทะลุ 13 บาทไปแล้ว ส่วนวอลุ่มก็มา จากเดิมซื้อขายวันละไม่กี่สิบล้านบาท เพิ่มมาเป็นหลักร้อยล้านบาท เหมือนมีแรงเข้ามาเก็งกำไรจนผิดวิสัย ก็ไม่รู้จะเกี่ยวข้องกับดีลนี้หรือเปล่า..?
เข้าทำนองพอดีลมา…ราคาวิ่ง พอดีลไปไม่รู้จะเป็นยังไง..?
เอาเป็นว่า จะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า…อันนี้หนูไม่รู้จริงจริ๊งงง…
แต่ดูไปดูมา ดีลนี้ก็เหมือนธุรกรรมรถด่วนเลยเนอะ…ว่าป๊ะล่ะ
…อิ อิ อิ…