YGG พุ่ง 9% “ออลไทม์ไฮ” เพิ่มทุนพิสดาร RO 1:2 หุ้นละ 0.50 บ. โบรกฯชี้ “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
YGG พุ่ง 9% "ออลไทม์ไฮ” เพิ่มทุนพิสดาร “RO” จำนวน 360 ล้านหุ้น โดยหุ้นละ 0.50 บ. ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ขณะที่ราคาหุ้นลาสุด 38.25 บ. ซึ่งเจ้าของเน้นขยายฐานทุนไม่หวังเงิน โบรกฯชี้ “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ธ.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 38.25 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 9.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219.32 ล้านบาท โดยสามารถทำออลไทม์ไฮ
สำหรับราคาหุ้นบนกระดานของ YGG หากย้อนกลับไปก่อนหน้านับตั้งแต่ประกาศเพิ่มทุนพิสดาร โดยเสนอขายเพิ่มทุนจำนวน 360 ล้านหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ราคาเสนอขาย 0.50 บาทต่อหุ้น พบว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาถึงล่าสุดทำออลไทม์ไฮ โดยขึ้นมาอยู่ที่ 38.25 บาท
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 256 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 90 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 346 ล้านบาท โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 512 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดยวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์ของบริษัท จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อให้บริษัทมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องมีทุนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท รวมทั้งระดมทุน เพื่อรองรับโอกาสในการลงทุนของบริษัทในอนาคต ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีข้างหน้า
สำหรับรายละเอียดการเพิ่มทุน บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่า 180 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) วันที่ 11 ก.พ. 2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record date) วันที่ 14 ก.พ. 2565
ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริษัทยังมีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (YGG-W1) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ในอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจะได้จัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 โดยไม่คิดมูลค่า คิดเป็นทุนจำนวน 45 ล้านบาท ซึ่งวอร์แรนต์ดังกล่าวมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ออก
โดยบริษัทกำหนดให้ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ในอัตราใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1 หุ้นและกำหนดราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ที่หุ้นละ 12 บาท ซึ่งกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (XW) วันที่ 11 ก.พ. 2565 และบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร YGG-W1 ในวันที่ 14 ก.พ. 2565
นอกจากนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 62 ล้านหุ้น (พาร์ 0.50 บาท) เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลระหว่างกาล งวด 9 เดือนปีนี้ (1 ม.ค.-30 ก.ย. 2564) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 2.90322581 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 31 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 ก.พ. 2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 14 ก.พ. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 มี.ค. 2565
ด้าน นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร YGG เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) อัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขาย 0.50 บาทต่อหุ้นว่า ยืนยันราคาดังกล่าวมีความเหมาะสม และเป็นไปตามแผนดำเนินการย้ายหลักทรัพย์จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ขณะที่การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (YGG-W1) 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิ YGG-W1 อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ YGG-W1 (ไม่คิดมูลค่า) กำหนดราคาที่ 12 บาทต่อหุ้นนั้น เป็นการเตรียมไว้รองรับการเติบโต และขยายธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 62 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 2.90322581 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล ดังนั้น อยากให้นักลงทุนเห็นถึงโอกาสในการเติบโต ซึ่งหุ้น YGG เป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตไปอีกหลายปี ทั้ง metaverse, games และBlockchain เป็นต้น ถือเป็นหุ้นตัวเดียวในตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในเทรนด์การเติบโต และได้รับผลบวกจากอุตสาหกรรมนี้
นายธนัช กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 ยังคงสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 รายได้รวมจะเติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้รวม 228.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 56.57 ล้านบาท อย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกมีรายได้มากถึง 215.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 76.82 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)
ก่อนหน้านี้ YGG ระบุว่า ภายหลังการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิมแต่ละราย ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน จะไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัท แต่ในกรณีผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายใช้สิทธิตามที่มีอยู่ครบทั้งจำนวน จะมีผลกระทบต่อราคาของหุ้นของบริษัท ซึ่งจะลดลงในอัตรา 65.96%
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การเพิ่มทุนของ YGG ในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มทุนที่มีแผนอย่างชัดเจน คือ การย้ายตลาดซื้อขายจาก mai เป็น SET และเงินทุนที่จะได้รับยังมีแผนนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ และรองรับการเติบโตในอนาคต อีกทั้งวันประกาศเพิ่มทุนยังได้ประกาศร่วมมือทางธุรกิจ (JV) กับทางบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ด้วย เพื่อขยายกิจการสู่ธุรกิจใหม่ Game Publishing
ดังนั้นมองว่าการย้ายตลาดไป SET การเพิ่มทุน ออกวอร์แรนต์ และจ่ายหุ้นปันผลของ YGG ภาพรวมมองเป็นผลบวกอย่างแน่นอน บวกกับการที่ YGG เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่กำลังจะขยายตลาดตามที่กล่าวข้างต้น ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตค่อนข้างสูงอีกด้วย นอกจากนี้มองว่าการย้ายเข้าตลาด SET จะช่วยให้เพิ่มความน่าสนใจให้กับหุ้น YGG ต่อนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาถือหุ้นมากขึ้น
ส่วนภายหลังจากการเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว ประเมินผลกระทบจากการที่กิจการทำการเพิ่มทุน (Dilution Effect) หลังจาก XR (Excluding Right) หรือผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่ ราคาน่าจะลงไประดับ 10 บาทต้น ๆ ตามการเพิ่มทุนมากกว่า 512 ล้านหุ้น จากเดิมที่มีเพียงไม่กี่ร้อยล้านหุ้น อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงของราคาหุ้นดังกล่าว เทียบราคาของ XW (Excluding Warrant) หรือผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์ที่ 12 บาทต่อหุ้น แต่เมื่อมีการปรับโครงสร้าง หรือธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตแล้ว เชื่อว่าอนาคตราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาได้ สะท้อนความสามารถในการสร้างกำไรที่มากขึ้น
“ความคุ้มค่าที่จะแปลงวอร์แรนต์นั้น ตามที่กล่าวมาข้างต้น หลัง XR ราคาหุ้นจะลงไประดับ 10 บาทต้น ๆ และราคาใช้สิทธิ์วอร์แรนต์ที่ 12 บาทต่อหุ้น ดังนั้นต้องรอดูราคาหุ้นหลังจากขึ้น XR จะปรับตัวลงไปเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ประเมินไว้ ยกตัวอย่างกรณีอยู่ที่ระดับ 10 บาทต่อหุ้น ก็จะไม่คุ้ม แต่ยังมีเวลา 1 ปี ในการแปลงวอร์แรนต์ และถ้ากำไรผลการดำเนินงานเป็นไปตามคาด สุดท้ายราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้วอร์แรนต์เปลี่ยนสภาพจาก out of the money เป็น in the money หรือจากผู้ถือเสียประโยชน์ เป็นผู้ถือได้ประโยชน์ ก็คุ้มที่จะแปลงสภาพอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ดีประเมินว่าเส้นทางการเติบโตของ YGG นับจากนี้จะน่าตื่นเต้นมากขึ้น ทั้งธุรกิจที่ร่วมกับ MACO โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี จะปล่อยเกมออกสู่ตลาด 5-7 เกม เบื้องต้นคาดว่าการ JV ครั้งนี้จะสร้างกำไรสุทธิในปี 2565 ประมาณ 40 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของ YGG ที่ 15% และหากเกมประสบความสําเร็จจะมีอัพไซด์อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม YGG เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะงบการเงินของบริษัท ซึ่งงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 76.82 ล้านบาท มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2563 ที่ 56.57 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มีรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกประมาณ 215.35 ล้านบาท เกือบจะเท่ากับปี 2563 ที่มีรายได้ 228.06 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกมีอัตรากำไรสุทธิ 35.67% มากกว่าปี 2563 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 24.80%