WFX ลุยเทรดพรุ่งนี้! มั่นใจกระแสแรง โชว์ 9 เดือนกำไรโต 2 เท่าตัว
WFX ลั่นระฆังเทรด 23 ธ.ค.นี้ มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ ยันผู้ถือหุ้นใหญ่กอดหุ้นแน่น ชูผู้นำตลาด “เส้นด้ายยางยืด” ระดับโลก
นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในวันที่ 23 ธันวาคม 2564 หุ้น WFX ที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในหมวดธุรกิจแฟชั่น จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ระดับโลกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดจากผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย และแผนการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ เห็นได้จากผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2564 ที่สามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 51% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท หรือ 218% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 15.96% และกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 7.27%
“จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับแผนเพิ่มผลิตอีก 12,400 ตัน/ปี ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 ตัน/ปี จะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับ WFX ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าได้เป็นอย่างมาก รองรับแผนการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดโลกภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ลงทุนร่วมไปกับ WFX สบายใจได้ เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกมา” นายชวลิต กล่าว
ทั้งนี้ WFX มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 998.12 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ 1)ใช้เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด 350 ล้านบาท ภายในปีหน้า 2)ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน 400 ล้านบาท ภายในปี 2564 และ 3)เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ 248.12 ล้านบาท ภายในปี 2565
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า จากจุดเด่นของบริษัทฯในฐานะผู้นำตลาดเส้นด้ายยางยืดระดับโลก เป็นผลิตภัณฑ์กลางน้ำ ที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าหลากหลายป้อนให้กับคู่ค้า เพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ที่ต้องซื้อซ้ำ ทำให้ความต้องการสินค้ามีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีความได้เปรียบคู่แข่งในตลาด จากการที่ประเทศ ไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก ทำให้บริษัทฯมีความได้เปรียบในการแข่งขันราคา อีกทั้งการที่มี บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) เป็นบริษัทแม่ ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับ WFX
นอกจากนี้ WFX ยังใช้กลยุทธ์เชิงรุก (Growth Strategy) ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก ภายใต้ทีมงานฝ่ายขายและการตลาด ที่มีความแข็งแกร่ง สามารถพูดได้มากกว่า 10 ภาษา กระจาย 50 ประเทศทั่วโลก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ WFX มั่นใจว่าหุ้น WFX จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์หมวดธุรกิจแฟชั่น ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีองค์ความรู้ และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และการกระจายหุ้น IPO นี้ได้มีนักลงทุนสถาบัน กองทุนส่วนบุคคล และ นักลงทุน High Networth ให้ความสนใจเข้าจองซื้อ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
“หลังจากได้เงินจากการเพิ่มทุนบริษัทฯ มีแผนจะนำไปขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าของบริษัทที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากอีกทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จาก economies of scale รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น พร้อมแข่งขันในเวทีโลก และก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโลกตามแผนงานที่วางไว้” นายรัฐชัย กล่าว
ทั้งนี้ WFX ได้ขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย
1.ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“TRUBB”) ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 11,360,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 8.00
2.กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯไม่เกิน 14,200,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00
3.ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ ไม่เกิน 18,460,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.00
4.บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 97,980,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 69.00