JMART ลุยกลยุทธ์ J Curve มุ่งขยายฐานกำไรทวีคูณ โบรกฯ อัพกำไรปี 65-66 ชูเป้าใหม่ 63.50 บ.
JMART ลุยกลยุทธ์ J Curve มุ่งขยายฐานกำไรทวีคูณ โบรกฯ อัพกำไรปี 65-66 ชูเป้าใหม่ 63.50 บ. สะท้อนศักยภาพเติบโตก้าวกระโดด-พันธมิตรหลากหลายเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ธุรกิจ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้( 6 ม.ค.2565) ว่า ฝ่ายวิจัยเข้าร่วมงานแถลงข่าว JMART Group Business Direction 2022 ภาพรวมออกในเชิงรุก โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทที่ต้องการก้าวสู่การเป็น Technology Investment Holding Company ซึ่งจะเป็นแนวคิดสำคัญขับเคลื่อนเดินหน้าตามเป้าหมายที่ต้องการขยายฐานกำไรแบบทวีคูณ J Curve ปีละ 50% ใน 3 ปีนับจากนี้
โดยภาพรวมธุรกิจกลุ่ม บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในปัจจุบันนับได้ว่ามีความพร้อมก้าวสู่ในวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยฐานการเติบโตดังกล่าวจะมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจปัจจุบัน คือ ค้าปลีก (Retail) และการเงิน (Finance) โดยในปี 2565 จุดเริ่มต้นของการเติบโตจะมาจากแรงขับเคลื่อนที่ได้เงินทุนและพันธมิตรรายสำคัญอย่าง BTS แม้ในส่วนเงินทุนที่ได้ทั้งหมด 1.0 หมื่นล้านบาท จะแบ่งราว 6.3 พันล้านบาท ไปขยาย
1) ธุรกิจ Finance ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นไปตามคาดและได้รวมในประมาณการแล้ว กล่าวคือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT (ถือหุ้น 53.9%) กำหนดเป้าหมายเติบโตเกิน 45% โดยจะซื้อหนี้เข้ามาติดตามเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท และยังไม่รวม Upside จากการร่วมทุนกับ KBANK
ด้านบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER (ถือหุ้น 26.5%) กำหนดเป้าหมายปี 2565 เติบโต 75% เป็นการนำเงินที่ได้จาก BTS ไปขยายฐานสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเพิ่มจุดขายเป็น 7,000 จุด จาก 3,500 จุดสิ้นปี 2564 และเพิ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งจะมีต้นทุนต่ำลง เพราะไม่ต้องก่อหนี้เหมือนที่ผ่านมา
ส่วนบริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด (KBJ) (ถือหุ้น 49%) ที่กำหนดเป้าหมายเติบโตเท่าตัว (ใกล้เคียงที่กำหนดในประมาณการ) จากการขยายตัวทั้งธุรกิจเดิม (สินเชื่อบริโภค บัตรเงินสด) และใหม่ อาทิ บัตรเครดิต และ Digital Lending
2) ธุรกิจค้าปลีก (Retail) แผนการขยายตัวไปในเชิงรุกกว่าฝ่ายวิจัยคาดไว้เดิม อาทิ J Mobile (ถือหุ้น 99%) กำหนดเป้าหมายปี 2565 ที่สูงถึง 50% และกำไรจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ถือว่าเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าฝ่ายวิจัยคาดไว้มาก โดยยอดขายคาดจะได้ประโยชน์ในแง่พันธมิตรใหม่ Fanslink บริษัทย่อยของ VGI ที่จำหน่าย Gadgets เข้ามารวมถึง การเป็นตัวแทนขายจำหน่ายสินค้าไอที ประเภท Notebook และเกมส์กับ SYNEX ช่วยเพิ่มความหลากหลายสินค้าจากเดิมที่เน้นจำหน่ายมือถือ ภายใต้แนวทางการขายอำนวยความสะดวกเงินกู้ให้กับลูกค้า ทั้งผ่าน KBJ, SINGER โดยจะเน้นความสอดคล้องกับช่องทางทั้งกลุ่มที่นำสินค้าไปขาย ที่จะได้ประโยชน์อีกทางจากการใช้ช่องทางเดิมให้มีประสิทธิภาพ
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J (ถือหุ้น 66.07%) ประเด็นใหม่ เปิด Upside กำไร คือ จะเป็นช่องทางจำหน่ายบ้านมือ 2 ที่ JMT ยึดจากลูกค้า Secure Loan มาปรับปรุงใหม่เพื่อขาย ตั้งเป้าหมายมูลค่าขายปี 2565 ราว 100 ล้านบาท อื่นๆ ยังเป็นไปตามคาด อาทิ การเปิด Community Mall ใหม่ที่คู้บอนที่หนุนปี 2565 เต็มปี
ทั้งนี้ ทั้งหมดยังไม่รวมถึงแผนการสร้าง Ecosystem ธุรกิจปัจจุบันให้มีความแข็งแกร่งและใหญ่ขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และเป็นฐานการเติบโตในปีถัดๆไป ร่วมกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม (กล่าวถึงในลำดับถัดไป) จากการร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรใหม่ อาทิ
JMT ที่ประกาศแผนร่วมทุนกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่คาดช่วยให้การซื้อหนี้เข้ามาติดตามระยะยาวเป็นไปด้วยความต่อเนื่องมากขึ้น และมีต้นทุนในการซื้อที่ต่ำลง
ด้าน SINGER และ JMART ที่ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ที่กำลังจะตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ถือหุ้นโดย GUNKUL 50% JMART 40% และ SINGER 10% ดำเนินธุรกิจระยะแรกขาย Solar Rooftop ให้ลูกค้า Hire Purchase ในต่างจังหวัดของ SINGER โดยเงินทุนที่จะใส่จะมาจากเงินเพิ่มทุนรอบใหม่จาก BTS ที่ยังเหลืออยู่ 3.6-3.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนำเงินลงทุนดังกล่าวราว 2.0 พันล้านบาทไปใช้ในปี 2565
นอกจากนี้ เงินทุน 2.0 พันล้านบาท ยังมีแผนขยาย Ecosystem ในกลุ่มค้าปลีก ที่ลงทุนราว 25% ในบริษัทใหม่ JayDee ร่วมกับดีลเลอร์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ รุกขยายธุรกิจใหม่ และบริษัทใหม่ Thailand AmZ ที่เน้นธุรกิจ Retail and Finance Solution Platform ซึ่งจะประกาศรายละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ เชื่อว่า Ecosystem ของธุรกิจหลักในกลุ่ม คือ ค้าปลีกและการเงิน ให้กว้างและแข็งแรงขึ้นในปี 2565 นอกเหนือการใช้เทคโนโลยี J Venture (ถือหุ้น 66.7%) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในปัจจุบัน ในระยะกลาง-ยาวจะเป็นฐานที่มความสำคัญที่ทางกลุ่มจะสามารถใช้เทคโนโลยี J Venture ที่มีการพัฒนา Platform เพื่อช่วยยกระดับการเติบโตระยะกลาง-ยาวของทั้ง 2 ธุรกิจให้อยู่ในรูปแบบการเติบโตแบบทวีคูณต่อไป
อีกทั้งเพื่อสะท้อนเป้าหมายการเติบโต J Mobile ในปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานไว้อนุรักษ์นิยมเกินไป เทียบกับ กลยุทธ์บริษัทที่เพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายหลากหลาย ขณะที่เป็นการขายผ่านช่องทาง และอำนวยความสะดวกการเงินให้กับลูกค้าบนบริการปล่อยกู้ รวมทั้งประกันที่มีอยู่แล้ว ทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สูง จึงปรับเพิ่มกำไรปี 2565-66 ขึ้นจากเดิมปีละ 13.8% และ 10.7% หลังปรับคาดกำไรปี 2565 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 41.9% ถ้านับกำไรปกติจะเติบโตถึง 50.5% และเพิ่มอีกถึง 29.2% ในปี 2566 ซึ่งไม่รวม Upside จำนวนมาก จากการขยายตัวไปกับพันธมิตรใหม่ๆ อาทิ JMTxKBANK ที่อาจจะมีสถาบันการเงินอื่นๆ อีกในอนาคต กรณี JMARTxSINGERxGUNKUL รวมถึงธุรกิจใหม่ๆ ทั้งการร่วมทุนกับดีลเลอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจหลักๆ ที่จะปรับขึ้นอยู่บนPlatform มากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต
โดยมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ใหม่อิงวิธี Sum of The Part อยู่ที่ 63.5 บาท ซื้ออ่อนตัวฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน ภายใต้ประมาณการใหม่เป็น 63.5 บาท จากเดิม 42.2 บาทอิงวิธี Sum of The Part หลักๆ เป็นการปรับเพิ่มมูลค่าธุรกิจ J Mobile ขึ้นตามการปรับเพิ่มกำไร ขณะที่ปรับเพิ่ม PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าเป็น 38 เท่า (เดิม 22 เท่า) สะท้อนศักยภาพเติบโตก้าวกระโดดในระยะถัดไป จากหลากหลายพันธมิตรที่เข้ามาอยู่ใน Ecosystem ธุรกิจหลัก JMART ต่อเนื่อง
และมูลค่าพื้นฐาน JMT เป็น 80 บาท (เดิม 56 บาท) โดยปรับเพิ่มสมมติฐาน PBV โดยปรับเพิ่มการเติบโตระยะยาว สะท้อนศักยภาพดีขึ้น หลังมีแผนเข้าร่วมทุนกับสถาบันการเงินหลายแห่ง ทั้งนี้ ภายใต้จุดเด่นทิศทางการต่อยอดธุรกิจต่อเนื่อง และโอกาสที่จะเป็นหุ้น Tech ที่มีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นบริษัทแรกๆของประเทศในระยะกลาง-ยาว จึงคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ภายใต้ Upside ที่เหลือไม่มาก การเข้าลงทุนอาจเน้นซื้อในจังหวะหุ้นอ่อนตัวเป็นสำคัญ
ทั้งนี้การดำเนินการด้าน ESG ของ JMART คือ 1. Environment (E): จัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้พนักงานได้ตระหนักถึงสภาวะปัญหาสิ่งแวดล้อม อาทิ การดำเนินโครงการ เติมรักษ์ให้โลกด้วย 4Q รณรงค์คัดแยกขยะก่อนทิ้ง ให้ความรู้แก่พนักงานในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อนำขยะมูลฝอยกลับมาสร้างมูลค่า ด้วยการแปลงเป็นของใช้ เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
2.Social Contribution(S): โครงการห้องน้ำเพื่อน้อง เป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสังคมของบริษัทฯ ที่เริ่มข้นึ ครั้งแรกในปี 2557 ความคิดริเริ่มในการจัดตั้งโครงการเพื่อส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีให้กับชุมชนโดยเริ่มต้นจากการสร้างห้องน้าที่สะอาดให้กับโรงเรียนในชนบทห่างไกลและให้ความร้ใูนการใช้ห้องน้าที่ถูกสุขลักษณะให้กับนักเรียนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน โดยมุ่งหวังให้นักเรียนมีห้องน้ำสะอาดเพื่อใช้งานและมีความรู้ความเข้าใจในการใช้และการรักษาห้องน้าให้ถูกสุขลักษณะอยเู่สมอเพื่อลดการเกิดโรคและการติดเชื้อจากห้องน้า รวมทั้งเพื่อเป็นต้นแบบในการรักษาสุขภาพอนามัยที่ดีให้กับเด็กตามโรงเรียนและสมาชิกในชุมชนอีกด้วย นอกจากนี้ ยังดำเนินการโครงการชงเพื่อหมอในช่วง COVID ระบาดรุนแรง เพื่อส่งต่อความห่วงใยให้บุคลากรทางการแพทย์
3.Governance (G): วันที่ 10 พ.ย. 57 คณะกรรมการบริษัทกำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริต รวมถึงแนวทางในการปฎิบัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งผ่านการพิจารณาคณะกรรมการบริษัท เพื่อประกาศเจตนารมณ์ที่บริษัทจะต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบและมุ่งหมายให้ทุกคนในองค์กรมีความเข้าใจเกี่ยวกับการต่อต้านทุจริตภายใต้นโยบายเดียวกัน