น้ำมันดิบปิดร่วงหลังสต็อกสหรัฐฯพุ่งเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิด (21 ต.ค.) ที่ 45.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค. พุ่งขึ้น 8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 476.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และปรับขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 78,000 บาร์เรล สู่ระดับ 54.1 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 219.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 145 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 86.4% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.3%

ส่วนการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และตัวแทนจากประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียนั้น รายงานระบุว่า ตัวแทนจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีการหารือกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตหรือเป้าหมายราคาน้ำมันดิบ

Back to top button