“พาณิชย์” เห็นพ้องตรึงราคา “ไก่-ไข่” ถึงกลางปี 65 กระตุ้นผลผลิตเข้าตลาด
“พาณิชย์” เห็นพ้องทุกภาคส่วน ตรึงราคาไก่-ไข่ไก่จนถึงกลางปี 65 กระตุ้นการเพิ่มปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาด
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาไก่เนื้อ ไข่ไก่ และเนื้อหมูที่ปรับขึ้นราคาในขณะนี้ เป็นผลมาจากต้นทุนวัตุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นมาก และจากราคาไก่เนื้อ ที่มีข่าวว่าผู้เลี้ยงได้ปรับขึ้นราคาขายนั้น ล่าสุด กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้เลี้ยง ทั้งสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย, บริษัทรายใหญ่ รวมถึงกรมปศุสัตว์ เห็นตรงกันที่จะตรึงราคาขายไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม และราคาขายปลีกชิ้นส่วนไก่สด เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนมิ.ย. 65
โดยไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม กำหนดราคาไว้ที่ กิโลกรัม (กก.) ละ 33.50 บาท, ไก่สด ทั้งรวมและไม่รวมเครื่องใน กก.ละ 60-65 บาท, น่องติดสะโพก/น่อง/สะโพก กก.ละ 60-65 บาท และเนื้ออก กก.ละ 65-70 บาท โดยให้กรมปศุสัตว์และผู้เลี้ยงเร่งเพิ่มการผลิตโดยด่วน ซึ่งการเลี้ยงไก่ใช้เวลา 45 วัน เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดให้มากขึ้น
สำหรับไข่ไก่ที่มีข่าวว่าผู้เลี้ยงได้ประกาศปรับขึ้นราคาไปแล้วฟองละ 20 สตางค์นั้น ขณะนี้เห็นว่ายังไม่เหมาะสมที่จะปรับขึ้นราคา โดยวันนี้จะประชุมร่วมกับผู้เลี้ยง เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาเช่นกัน ส่วนจะได้หรือไม่ได้คงต้องพิจารณาร่วมกัน หรือต้องการให้รัฐช่วยเหลืออย่างไรบ้าง รัฐก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ
โดยต้นทุนราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นนั้น นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า กรมฯ ยินดีจะจัดโครงการเชื่อมโยงผู้เลี้ยงรายย่อยกับผู้ผลิตอาหารสัตว์ เพื่อให้ซื้อได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เหมือนที่ผ่านมา มีโครงการจับคู่หมู-ข้าว ระหว่างผู้เลี้ยงหมู และโรงสี เพื่อซื้อข้าวมาทำอาหารสัตว์ รวมถึงยังได้ขออนุมัติงบจากกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มาช่วยชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ผู้เลี้ยงด้วย
ขณะที่ราคาเนื้อหมู จากมาตรการที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศให้ผู้เลี้ยง และผู้ค้า ต้องแจ้งปริมาณการเลี้ยง และการเก็บสต็อกหมูชำแหละตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.65 โดยขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการรวมรวบปริมาณ และจะออกตรวจสอบร่วมกับกรมปศุสัตว์ หากพบผู้ค้ารายใดกักตุน หรือแจ้งไม่ตรง ไม่สอดคล้องกับปริมาณที่แจ้งไว้ จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ขออนุมัติงบกลางจากรัฐบาลแล้ว เพื่อนำมาดำเนินโครงการต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน และชดเชยให้ผู้เลี้ยงปศุสัตว์รายย่อย ทั้งหมู ไก่ และไข่ไก่ โดยเฉพาะการเปิดจุดขายสินค้าราคาถูกที่อาจจะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 1,500 จุดทั่วประเทศได้ ถ้าสถานีบริการน้ำมันสนับสนุนพื้นที่ให้เปิดเป็นจุดขายได้ จากขณะนี้มีจุดขายเนื้อหมูราคาถูก กก.ละ 150 บาท รวม 667 จุดทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงจุดขายสินค้าราคาถูกได้อย่างสะดวกมากขึ้น รวมถึงอาจพิจารณาร่วมกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตสินค้าราคาประหยัดขายสู่ประชาชนภายใต้โครงการธงฟ้า
โดยอธิบดีกรมการค้าภายใน ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงาน เตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในประเทศตามราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นว่า สัดส่วนของต้นทุนก๊าซหุงต้มในอาหารปรุงสำเร็จน้อยมาก และไม่น่าจะมีผลทำให้ราคาอาหารปรับขึ้น อยากให้ผู้ค้าเข้าใจสถานการณ์ และช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ไปก่อน