ภาษีคริปโต สกัดฟอกเงิน?
*จริง ๆ เดี๊ยนไม่อยากเม้าท์ถึงเรื่อง “คริปโตฯ” สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องเซนต์ซิทีฟสำหรับคนทั่วไป และยังกระเทือนกับคนที่คิดจะทำเรื่องนี้ “โมนิก้า” จึงขอแชร์มุมมองต่าง ๆ เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นว่า แนวทางการทำให้เรื่องร้อนเข้าระบบที่ถูกต้อง น่าจะเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น ๆ และมองทุกอย่างให้รอบด้าน ก็จะรู้ว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายแบบสุดขั้วหรอกค่ะ
*จริง ๆ เดี๊ยนไม่อยากเม้าท์ถึงเรื่อง “คริปโตฯ” สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องเซนต์ซิทีฟสำหรับคนทั่วไป และยังกระเทือนกับคนที่คิดจะทำเรื่องนี้ “โมนิก้า” จึงขอแชร์มุมมองต่าง ๆ เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นว่า แนวทางการทำให้เรื่องร้อนเข้าระบบที่ถูกต้อง น่าจะเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น ๆ และมองทุกอย่างให้รอบด้าน ก็จะรู้ว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายแบบสุดขั้วหรอกค่ะ
*อีกทั้งได้เห็นท่าทีของสรรพากรที่กำลังจะปรับสูตรคิดภาษีคริปโตฯ ใหม่อีกครั้ง ก็รู้ได้ทันทีว่า สูตรคิดภาษีที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้คือการโยนหินถามทาง ซึ่งเป็นการหยั่งเสียงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง “โมนิก้า” เลยเชื่ออย่างสนิทใจว่า สูตรใหม่ที่กำลังถูกปล่อยออกมา น่าจะเป็นการลดแรงกระเพื่อมของคนในวงการคริปโตฯ ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาแฮปปี้ในระดับหนึ่งนะจ๊ะ
*นั่นหมายความว่า ตลาดคริปโตฯ จะมีความผันผวนต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะจะมีตัวแปรใหม่ ๆ เข้ามากระทบมากมาย โดยเฉพาะในแง่ของกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะเข้าคุมเข้มมากขึ้น ย่อมทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องถึงกับมึนตึ้บกันเป็นแถว และหนึ่งในเสียงร่ำลือที่พูดกันสนุกปากเหลือเกินคือ นี่เป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่สุดในเวลานี้ เพราะไม่สามารถหาแหล่งที่มาของเงินทุนที่เข้ามาในตลาดนี้น่ะซี
*ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบตลาดดังกล่าวให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดคริปโตฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการจัดเก็บภาษีจะทำให้การตรวจสอบเส้นทางของเงินสีเทาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นของฝั่งที่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีมีการหยิบยกขึ้นมาเม้าท์ “โมนิก้า” ในฐานะคนกลางจึงขอแชร์ข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องไปคิดกันอีกทีหนึ่งว่า จริงไหม?
*สำหรับในฝั่งที่ไม่เห็นด้วยก็มีหลากหลายทรรศนะที่ออกมาโต้ตอบ “โมนิก้า” คงไม่จำเป็นต้องไปอธิบายเรื่องราวอะไรให้มากความ เพราะมองในแง่ของต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้น ย่อมทำให้คนเล่นเกิดอาการคิดหนักอย่างแน่นอน ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ต้องถอนตัวจากตลาดคริปโตฯ เดี๊ยนจึงมองเรื่องราวดังกล่าวเป็นเหรียญสองด้าน และตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะออกหน้าไหนเสียด้วยเจ้าค่ะ
*ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นก็ยังคึกคักเหมือนเดิม ทั้งที่โอมิครอนระบาดหนักขึ้นทุกวันแบบนี้ “โมนิก้า” ตีความได้ทันทีว่า นักลงทุนไม่ได้กังวลกับเรื่องดังกล่าว เพราะรู้ว่าบริษัทในตลาดหุ้นต้องเจอกับอะไรบ้าง? และสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้อย่างไร? วานนี้ถึงเห็นดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,667.12 จุด บวกไป 10.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.92 หมื่นล้านบาท คือภาพที่ยืนยันว่า แนวรับสำคัญ 1,650 จุดคือบริเวณรับของที่เซฟสุดในตอนนี้จ้า
*เม้าท์ถึงหุ้นที่เซฟขึ้นมาทั้งที ก็อยากมองไปที่หุ้น IRPC ก่อนใครเพื่อนในทันที เพราะราคาหุ้นเพิ่งเริ่มขยับขึ้นอีกครั้ง ผสานกับแนวโน้มผลดำเนินงานก็ยังดูดี “โมนิก้า” เลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.06 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 664 ล้านบาท คือจังหวะของการไหลตามน้ำได้สบาย ๆ เพราะเคยเห็นหุ้นขึ้นไปแถว 4.80 บาทมาแล้วรอบหนึ่ง แถมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็อยู่ในระดับ 2% จึงไม่มีอะไรน่ากังวลพะยะค่ะ
*สำหรับคนที่ชอบหุ้นแนวรถไฟเหาะตีลังกา “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยังหุ้นขายคอมพิวเตอร์อย่าง SVOA แบบไม่ต้องรีรออะไรทั้งสิ้น เพราะการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 3.96 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้น 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.67 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร้สสำหรับหุ้นที่เคาะกันเรื่อย ๆ ผนวกกับเที่ยวนี้ไม่รู้ว่า มีประเด็นอะไรที่เป็นสาระสำคัญ จึงไม่ขอคอมเมนต์สิ่งที่ไม่รู้กันคืออะไรจ้า!
*ส่วนที่รู้แน่ ๆ คงเป็นสถานการณ์ของหุ้น INET เพราะรายได้จากธุรกิจคลาวด์โตค่อนข้างดี ซึ่งเข้าสถานการณ์ของโลกใหม่พอดีแบบนี้ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นขยับขึ้นอีกวัน ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 8.50 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 14.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท ผนวกกับการเทรดล่าสุดก็อยู่บน PE 22 เท่า จึงกลายเป็นจังหวะของการโหนกระแสได้สบาย ๆ ไงล่ะคะ