DCC โบรกฯแนะ “ซื้อ” อัพเป้า 3.60 บ. คาดกำไรปี 64 แตะ 1.7 พันลบ. รับดีมานด์ฟื้น-ไฮซีซั่น
“ฟินันเซียฯ” แนะ “ซื้อ” DCC อัพเป้า 3.60 บ. คาดกำไรปี 64 แตะ 1.7 พันลบ. รับดีมานด์กระเบื้องฟื้นตัวดี Q4/64 ต่อเนื่องไปจน Q1/65 และผลบวกจากการทยอยปรับราคาขายขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ม.ค.2565) โดยประเมิน บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ว่า ภาพรวมไตรมาส 4/2564 ถือว่าดูดีกว่าที่เคยมอง แม้เดือนต.ค.เผชิญภาวะน้ำท่วมหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดที่เป็นผลต่อเนื่องจากเดือนก.ย. อย่างไรก็ดีสถานการณ์เริ่มคลี่คลายตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. รวมถึงมีปัจจัยบวกจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์และการแพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศที่ดีขึ้น หนุนความต้องการใช้กระเบื้องฟื้นตัว
นอกจากนี้มีแรงขับเคลื่อนหลักจากกลยุทธ์ทยอยปรับราคาขายขึ้น 3 – 5 บาทต่อตร.ม. ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัยประเมินยอดขายไตรมาส 4/2564 เป็น 1.97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดทรงตัวดีจากไตรมาส 3/2564 ที่ระดับ 44% แม้ต้นทุนก๊าซ (สัดส่วน 36% ของต้นทุนรวม) เร่งขึ้นตามราคาน้ำมัน รวมถึงต้นทุนดินหินแร่ (สัดส่วน 20% ของต้นทุนรวม) สูงขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ชดเชยด้วยการปรับขึ้นราคาขายซึ่งครอบคลุมแล้ว 80% ของพอร์ต และผลของ Product Mix จากเน้นขายกระเบื้องขนาดใหญ่ ส่งผลให้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 396 ล้านบาท ขยายตัว 8% จากไตรมาสก่อน และ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการขึ้น 4% ต่อปี โดยในปี 2564 เป็น 1.70 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 เป็น 1.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปรับสมมติฐานหลัก (1) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 43.50% จากเดิมปี 2564 อยู่ที่ 43% และปี 2565 อยู่ที่ 41.70% จากการทยอยปรับขึ้นราคาขายทุกผลิตภัณฑ์ และมีผลเต็มปีในปี 2565 บวกกับเน้นขายกระเบื้องขนาดใหญ่ 60×120 และ 80×80 ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นมาก (ปัจจุบันสัดส่วนเพียง 5% ของยอดขายรวม) สามารถลดแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตขาขึ้น ทั้งราคาก๊าซที่อยู่ระดับสูง ตามราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกจากต้นปีจนถึงปัจจุบันเฉลี่ยที่ 78 เหรียญต่อบาร์เรล (เทียบกับไตรมาส 1/2564 ที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล ก่อนคาดว่าจะชะลอลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 และทั้งปีจะยังทรงตัวสูงจากปี 2564 (อ้างอิงมุมมองของ EIA)
รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างดินหินแร่ที่มีแนวโน้มขยับขึ้นต่อในปี 2565 (2) คงยอดขายปี 2564 ที่ 8.40 พันล้านบาท ลดลง 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับเพิ่มปี 2565 ขึ้นจากเดิม 2% เป็น 8.70 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดีจากการปรับประมาณการขึ้นทางฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2565 จากเดิม 3.40 บาท เป็น 3.60 บาท (อิงค่า PER เดิม ที่ 18 เท่า) คงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากแนวโน้มอุปสงค์กระเบื้องมีสัญญาณฟื้นตัวดีในไตรมาส 4/2564 ต่อเนื่องในไตรมาส 1/2565 ที่เป็น High Season ของการจับจ่ายใช้สอยวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัด รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ยอดขายปี 2564 จะอ่อนลงเล็กน้อย แต่ผลประกอบการปี 2564 ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ และดีต่อเนื่องในปี 2565 ขณะที่คาดงวดไตรมาส 4/2564 จ่ายปันผล 0.043 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield 1.40% และคาดผลตอบแทนปันผลปี 2565 ระดับดี 6.40% บนสมมติฐาน Payout 100% (จ่ายไตรมาสละครั้ง)