พาราสาวะถี

ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงแกว่งตัวในระดับ 7-8 พันกว่ารายต่อวัน ไม่ทะลุหลักหมื่นรายตามที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้า


ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงแกว่งตัวในระดับ 7-8 พันกว่ารายต่อวัน ไม่ทะลุหลักหมื่นรายตามที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้า ถ้ายังคงตัวเลขเช่นนี้ได้ก็น่าจะทำให้การบริหารจัดการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในฐานะผู้อำนวยการศบค.เบาใจได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องการที่จะทำให้กลายเป็นโรคประจำถิ่น ตัวเลขของผู้ติดเชื้อต้องน้อยกว่า 5 พันลงไปต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน ถ้าทรงตัวในระดับนี้ย่อมมีคำถามถึงประสิทธิภาพในการจัดการต่อการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนอยู่

แน่นอนว่า หนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่โรคประจำถิ่นได้คือฤทธิ์ของโรคระบาดอ่อนแรงลง จนถึงเวลานี้พอจะอนุมานได้ว่าถ้าไม่มีการกลายพันธุ์ซ้ำ โอมิครอนไม่ได้น่ากลัวเหมือนเดลต้า แม้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อจำนวนผู้ป่วยหนัก และไม่ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิต ไม่กระทบต่อระบบสาธารณสุขภายในประเทศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งดำเนินการนอกจากการประกาศให้คนไปรับวัคซีนเข็ม 3 และ 4 แล้ว พวกที่ยังไม่ได้ฉีดก็ต้องเร่งแก้ปัญหาด้วย

ล่าสุด ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ก็ออกมาเตือนว่า โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น มีความรุนแรงของโรคน้อยกว่าเชื้อสายพันธุ์เดลต้า แต่ยังคงเป็นไวรัสที่มีความอันตราย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หากเรายังไม่กำจัดเชื้อโอมิครอน ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะมีเชื้อกลายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้น ซึ่งอาจแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นและรุนแรงมากกว่าเชื้อโอมิครอนก็เป็นได้

สุดสัปดาห์นี้ อาทิตย์ที่ 16 มกราคม มีเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา ภาพชัดเจนว่าเป็นการแข่งขันกันของสองพรรคร่วมรัฐบาลที่มีฐานเสียงเดียวกันคือ พรรคสืบทอดอำนาจกับประชาธิปัตย์ ในฐานะเจ้าของสองเก้าอี้เดิมพรรคเก่าแก่ย่อมไม่ยอมเสียเชิงเป็นอันขาด ซึ่งหากพลาดท่าปราชัยหนนี้ มันคือสัญญาณเชิงลบที่จะส่งผลกระทบไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่อาจจะมีขึ้นภายในปีนี้ตามมาด้วย ส่วนพรรคแกนนำรัฐบาลก็ไม่ต่างกัน

เดิมพันที่ว่าคะแนนนิยมส่วนตัวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังขายกับคนใต้ได้ การเลือกตั้งหนนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์เช่นกัน ส่วนในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่รับบทหัวหน้าพรรคและมีมือขวาคู่ใจอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็จะต้องแสดงฝีมือให้ท่านผู้นำเห็นว่า การตัดสินใจไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคและยังเลือกใช้แม่บ้านพรรคคนเดิมนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือ เลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ภายใต้การบัญชาการและประสานอย่างถึงใจของผู้กองมันคือแป้ง พรรคสืบทอดอำนาจกำชัยชนะทุกหน

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในเวลานี้ จุดชี้วัดสำคัญเพื่อจะทำให้คนตัดสินใจเลือกคือผลงานที่คนสัมผัสจับต้องได้ จึงไม่แปลกที่ฝ่ายหนึ่งจะชูโครงการคนละครึ่งเป็นฝีมือของตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายก็รีบดักคอว่าอย่าใช้เรื่องนี้ไปหาเสียง เพราะถือเป็นโครงการของรัฐบาลทุกพรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนในการตัดสินใจและให้ความเห็นชอบ จะว่าไปไม่จำเป็นต้องไปตีกันถึงขนาดนั้น ไหนคุยนักคุยหนาว่ากระทรวงที่คนของตัวเองกำกับดูแลมีผลงานบานตะไท

ในฐานะที่หัวหน้าพรรคเป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการพรรคเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับผลงานการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตร คนละครึ่งเป็นแค่การแจกที่ไม่ยั่งยืน เห็นโม้กันทั้งพรรคการเข้าร่วมรัฐบาลแม้จะฝืนความรู้สึกเรื่องหนุนขบวนการสืบทอดอำนาจ แต่คนของพรรคก็เข้าไปสร้างผลงานแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนได้ ทำไมต้องไปกลัวอีแค่นโยบายประชานิยมจำแลง

แสดงอาการขนาดนี้มันก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า สิ่งที่พล่ามกันมาก่อนหน้านั้นมันแค่ราคาคุยหรือดีแต่พูดเหมือนเดิม เพราะหากสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ได้ แก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือให้คนเลือกตั้งตัดสินใจได้ทันที ไม่จำเป็นจะต้องเล่นเกมการเมืองน้ำเน่ากันแบบเดิม ถึงขนาดพรรคหนึ่งปราศรัยให้คนเลือกผู้แทนที่ฐานะ ความร่ำรวย อีกพรรคก็บลัฟกลับทันทีว่านี่เป็นการดูแคลนคน ถามว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร

ไม่ต่างอะไรไปจากสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.ที่พบว่าแม้พรรคเก่าแก่จะไม่ส่งคนลงสมัคร แต่มีอดีตคนของพรรคอย่าง อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ลงชิงชัยในนามพรรคกล้า ก็จับคู่ทะเลาะกับ “มาดามหลี” สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครจากพรรคสืบทอดอำนาจ กับประเด็นดูถูกผู้หญิง และยังมีเรื่องไม่สนับสนุนการเมืองแบบเครือญาติ ซึ่งก็คือการสาดโคลนเข้าใส่คู่กรณีที่สามีเป็นอดีตส.ส.เขตนี้ ล่าสุดยังมีการกล่าวหาอันคลาสสิกแต่ก็เป็นความจริงเรื่องการจ่ายเงินซื้อกันอุตลุด

การที่ทั้งคู่เดินเกมโต้ตอบกันเช่นนี้ เป็นที่รู้กันว่าเมื่อประชาธิปัตย์ไม่ส่งคนลงสมัคร อรรถวิชช์ย่อมต้องการคะแนนเสียงที่หนุนพรรคเก่าแก่มาเลือกตัวเอง ซึ่งมันก็คือฐานเดียวกันที่จะเลือกพรรคสืบทอดอำนาจ เมื่อเป็นเช่นนั้นการด้อยค่าอีกฝ่ายจึงเป็นการชิงความได้เปรียบและเชื่อว่ายิ่งใกล้วันหย่อนบัตรสารพัดวิชามารจะถูกงัดออกมาใช้อย่างแน่นอน ด้วยท่วงทำนองเช่นนี้ทำให้ สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยหาเสียงได้สบายใจเฉิบ

แม้จะมีคู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้านอย่างก้าวไกล ที่ส่งดาราดังอย่าง “เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ มาช่วงชิงคะแนน หากมองแบบชั้นเดียวเชิงเดียวอาจจะเหมือนว่าทั้งสองพรรคมีฐานเสียงสนับสนุนเดียวกัน แต่ความจริงแล้วส่วนของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ดังกล่าวถือว่ามีความเหนียวแน่นกับสุรชาติในฐานะอดีตส.ส.ที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนที่กรุณพลจะมาช่วงชิงคะแนนไปคงเป็นเสียงของคนรุ่นใหม่กับคนที่ยังไงก็ไม่เลือกพรรคนายใหญ่อยู่แล้วมากกว่า ซึ่งนั่นยิ่งเป็นผลดีเสียด้วยซ้ำที่คะแนนจะไม่เทไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ขึ้นชื่อว่าการเมืองมีเรื่องพลิกผันไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับพวกอย่างหนาที่ทำได้ทุกอย่าง

Back to top button