“ดาวโจนส์” ปิดลบ 200 จุด ผิดหวังงบ “แบงก์” ไตรมาส 4/64 ต่ำคาด

“ดัชนีดาวโจนส์” ปิดลบ 202 จุด นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของธนาคารสหรัฐขนาดใหญ่ ต่ำกว่าคาด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (14 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มการเงินถ่วงตลาดลงอย่างหนัก หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ของธนาคารสหรัฐขนาดใหญ่ในช่วงเริ่มต้นฤดูเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,911.81 จุด ลดลง 201.81 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,662.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.82 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,893.75 จุด เพิ่มขึ้น 86.94 จุด หรือ +0.59%

โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.9%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 0.3% และดัชนี Nasdaq ติดลบ 0.3%

ด้านดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มธนาคาร ปิดร่วงลง 1.7% โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 6.26% หลังรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ และเตือนว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น, การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และรายได้จากการซื้อขาย จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

หุ้นซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ร่วงลง 1.25% หลังรายงานผลกำไรไตรมาส 4/2564 ร่วงลง 26% ขณะที่หุ้นแบล็กร็อค อิงค์ ร่วงลง 2.2% หลังเปิดเผยรายได้รายไตรมาสต่ำกว่าคาด

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในเดือนธ.ค.

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจทรงตัวในเดือนดังกล่าว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ร่วงลง 3.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า อาจเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนยังระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 68.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ จากระดับ 70.6 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 70.0

หุ้นโกลด์แมน แซคส์, หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และหุ้นโฮม ดีโปท์ ปรับตัวลงด้วย

อย่างไรก็ตาม หุ้น 4 จาก 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน

หุ้นกลุ่มเติบโตที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีปิดบวก 0.89% และหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร บวก 0.53%

นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนี S&P500 จะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 23.1% ในไตรมาส 4/2564

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่ง 3.68% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4/2564 เพิ่มขึ้นเกินคาด

หุ้นลาสเวกัส แซนด์ส พุ่ง 14.2%, หุ้นเมลโค รีสอร์ท พุ่ง 16.6% และหุ้นวินน์ รีสอร์ท พุ่ง 8.6% หลังรัฐบาลมาเก๊าจำกัดจำนวนผู้ประกอบการคาสิโนรายใหม่ที่ได้รับอนุญาตดำเนินการได้ 6 ราย โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 10 ปี

ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ (17 ม.ค.) เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

Back to top button