ลืออีกแล้ว?
สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยไปไหนไม่ได้สักที น่าจะเกิดจากกองทุนสาดหุ้นออกมาในช่วงที่ดัชนีกำลังขึ้น และเตรียมวิ่งฝ่าแนวต้านที่ขวางอยู่เป็นประจำ
*วันนี้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์เรื่องสัพเพเหระในระหว่างที่รอดัชนีย่ำฐานให้เสร็จเสียก่อน เลยขออนุญาตพูดถึงสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไป เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในลักษณะการสื่อสารสองทาง จึงเชื่อว่า คนที่เป็นแฟนคลับขาประจำ น่าจะมองเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแตกฉาน และนำไปประยุกต์ใช้กับการลงทุนในตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดีนะคะ
*โดยเฉพาะอาการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาในกรอบ 1,670-1,680 จุดเป็นเวลาสี่วันทำการ น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ดัชนีกำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการยกฐานให้สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อเท่าที่ควร ดัชนีจึงยืนปิดได้แค่ระดับ 1,676.87 จุด บวกไป 4.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.23 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาพเดิม ๆ ที่ทำให้นักลงทุนหันมาเล่นเดย์เทรดกันมากขึ้นไงล่ะคะ
*สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยไปไหนไม่ได้สักทีนั้น! น่าจะเกิดจากกองทุนสาดหุ้นออกมาในช่วงที่ดัชนีกำลังขึ้น และเตรียมวิ่งฝ่าแนวต้านที่ขวางอยู่ข้างหน้าเป็นประจำ จึงเป็นมูลเหตุที่ทำให้แมงเม่าต้องขายหุ้นเมื่อมีการเปลี่ยนฐาน “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ดัชนีคงใช้เวลาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้อีกพักใหญ่ และคงมีข่าวลือออกมาเป็นระลอกให้ได้ยินไม่ขาดสาย จึงต้องใช้ความคิดในการประเมินผลลัพธ์กันสักหน่อยนะจ๊ะ
*เหมือนกับกรณีของพ่อดอกมะลิ JAS ก็มีข่าวออกมาในทำนอง 3BB โดนเทคฯ เกิดขึ้นอีกครั้ง แถมเที่ยวนี้ดูเป็นจริงเป็นจังมากกว่าครั้งก่อน ๆ หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.08 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 7.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.26 พันล้าบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ทุกคนต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะเรื่องนี้เป็นแค่ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” จึงไม่มีใครตอบได้ดีเท่ากับชายที่ชื่อ “พิชญ์” นะจะบอกให้
*ส่วนหุ้นบันเทิงเริงรำอย่าง MONO ก็พุ่งกระฉูดรับข่าวเทิร์นอะราวด์อย่างร้อนแรง ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่ “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นประเมินการเม้าท์มอยด์ปากต่อปากที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันมีเค้าโครงความเป็นไปได้ขนาดไหน? หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.66 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 918 ล้านบาท แถมเมื่อกลางปีก่อนก็เพิ่งจบข่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหยก ๆ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้คัมแบ็คได้น่ะซี!
*คล้ายกับกรณีของหุ้นลูกชิ้นเทวดาอย่าง GLOCON ก็มีประเด็นที่นักเล่นต้องขบคิดกันมากหน่อย เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.32 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 810 ล้านบาท มันหมายความว่า กำไรต้องมา! ไม่เช่นนั้นจะเป็นแค่เกมลากไปเชือดเหมือนที่ลือกันให้แซ่ด ผนวกกับคนในวงการรู้ไส้เห็นพุงกันอย่างจะแจ้งว่า เกมหุ้นเที่ยวนี้ใครคุม? เดี๊ยนเลยช่วยได้แค่ว่า ยกมือสาธุและขอให้ธุรกิจปังด้วยเถิด..อิอิอิ
*ประเด็นหุ้นฮอตฮิตดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลียวมองหุ้นหนูซ่า NUSA เพื่อชี้ให้เห็นข่าวเม้าท์ที่ว่อนห้องค้าออกมาในทำนองเทิร์นอะราวด์นั้น! กำลังถูกตอกย้ำด้วยการดันหุ้นอย่างหนักหน่วง และการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.61 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 593 ล้านบาท ยิ่งทำให้กระแสข่าวลือน่าเชื่อถือมากขึ้นในทันที เดี๊ยนจึงอยากให้ขาลุยควรรู้เท่าทันไว้บ้างนะคะ
*เช่นเดียวกับการขึ้นแรงของหุ้น WIN ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1.57 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 12.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 278 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ทำให้มึนตึ้บไประยะหนึ่งเหมือนกัน แต่เมื่อดูจากตัวเลขกำไรที่สวยสดงดงามตามท้องเรื่อง ก็เห็นสมควรที่หุ้นตัวนี้ควรจะได้ไปต่อจริง ๆ ผนวกกับการคัมแบ็คมาแบบจัดเต็มทุกกระบวนท่า ทำให้ราคาปิดวานนี้ไม่ได้สูงเกินไปตามหลักการลงทุนนะออเจ้า
*ตบท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง BWG ที่ชอบมาพร้อมข่าวลือมากมายกันดีกว่า เพราะวานนี้โดนทุบจนลงไปกองอยู่ที่ระดับ 0.92 บาท ก่อนเจ้ามือจะดันกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.15 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 512 ล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้รู้ว่า เริ่มมีการแตกขบวนให้เห็นบ้างแล้ว และเกมนี้อาจไม่ยาวเหมือนที่แมงโม้ปล่อยข่าวก็เป็นไปได้ จึงควรเจียมตัวกันไว้บ้างเจ้าค่ะ