เก่งจับเก่งรีด
ปศุสัตว์พลิกภาพเป็นพระเอก ไล่จับสต๊อกหมูตามคำชี้แนะพี่โทนี่ พบห้องเย็นที่สงขลา ก็ตีปี๊บ “จับใหญ่” ขนสื่อไปทำข่าวยังกะจับโกดังกัญชา
ปศุสัตว์พลิกภาพเป็นพระเอก ไล่จับสต๊อกหมูตามคำชี้แนะพี่โทนี่ พบห้องเย็นที่สงขลา ก็ตีปี๊บ “จับใหญ่” ขนสื่อไปทำข่าวยังกะจับโกดังกัญชา ที่ไหนได้ กลายเป็นห้องเย็นเบทาโกร ก็ยังตั้งข้อหาจนได้ หาว่าห้องเย็นไม่แจ้งปริมาณการครอบครอง ทั้งที่เบทาโกรแจ้งพาณิชย์แล้ว สต๊อกหมู 2 แสนกิโล ขาย 8 จังหวัดใน 7 วัน มันผิดปกติตรงไหน
ดิ้นรนให้พล่านทั้งพาณิชย์ เกษตร ภายใต้รัฐมนตรีพรรคเดียวกัน โทษหมูแพงเพราะกักตุน เพราะพ่อค้าเก็งกำไร ไม่ได้เป็นเพราะหมูตาย ไม่ได้เป็นเพราะไร้ฝืมือบริหาร กรมปศุสัตว์ไม่ได้ปกปิดข้อมูล ว่าซั่น!
ราคาสินค้าเป็นปัญหาดีมานด์ซัพพลาย ต้นทุนวัตถุดิบ อาหารสัตว์ ฯลฯ กลับโยนความผิดง่าย ๆ ให้คนขาย แบบกรมการค้าภายในไปจับแม่ค้าขายไข่ ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ฯ ฟองละ 4.80 บาทมีโทษจำคุก 7 ปีปรับ 1.4 แสนบาท ต้องประกันตัววงเงิน 1 แสนบาท
อยากสร้างผลงานหรือต้องการเรียกเสียงด่าก็ไม่ทราบเหมือนกัน กระทั่งกรณ์ จาติกวณิช เจ้าของไอเดียชั่งไข่ขาย ยังงงกระทรวงพาณิชย์ใช้สมองส่วนไหนคิด ของบ 1,480 ล้านไปปล่อยรถพุ่มพวงขายลดราคา
รัฐบาลใช้จุดเด่นของตัวเอง ของรัฐราชการ คือใช้อำนาจปราบปรามกับลดแหลกแจกแถม แต่ไม่มีฝีมือบริหารเศรษฐกิจ คิดว่าการออกประกาศควบคุมราคาสินค้า คุมสต๊อก แล้วใช้ตำรวจ พาณิชย์ ปศุสัตว์ ฝ่ายปกครอง “สนธิกำลัง” นำนักข่าวไปตรวจปูพรม “ฮึ่มสั่งฟัน” หาแพะมาสังเวย แล้วจะสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน ทั้งที่ควบคุมราคาสินค้าไม่ได้จริง ชาวบ้านเดือดร้อนไปหมด ยังซ้ำเติมพ่อค้าแม่ค้า
ร้านอาหารจะไม่ขึ้นราคาได้อย่างไร หมูแพงไก่แพง ขึ้นค่าแก๊สค่าไฟ น้ำมันแพง น้ำมันปาล์มก็แพง ค่าครองชีพสูง พาณิชย์อ้างว่าเงินเฟ้อทั้งโลก ใช่เลย อเมริกาเงินเฟ้อ 6-7% แต่จีดีพีสองปี 63-64 รวมกันเป็นบวก ไม่เหมือนไทยติดลบร่วม 5%
น้ำมันแพงตามตลาดโลก ก็ใช่อีก แต่ทำไมยังต้องเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5.99 บาท จนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน อดรนทนไม่ไหว เรียกร้องให้คลังลดภาษี แทนที่จะเอากองทุนน้ำมันไปอุ้ม จนตอนนี้ติดลบ 8 พันกว่าล้าน
ทำไมต้องดันทุรังเก็บภาษีสูงลิบทั้งที่รู้ว่าน้ำมันแพงกระทบเศรษฐกิจทุกภาคส่วน กระทบค่าครองชีพประชาชน ลดภาษีน้ำมันสิ ช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้ผลที่สุด ใครก็รู้ ทำไมไม่ทำ
ถังแตกสิครับ เพราะงบขาดดุลมหาศาล จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า รายจ่ายบานเบอะ ส่วนใหญ่เป็นงบประจำ เช่นงบ 65 เป็นเงินเดือนสวัสดิการข้าราชการ 40% หรือ 1.2 ล้านล้านบาท รัฐราชการไร้ประสิทธิภาพแต่ใหญ่โตขึ้นทุกวัน
คลังแถลงจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรก “เกินเป้า” (เพราะลดเป้าลงมาแล้ว) แต่เกินเฉพาะสรรพากร สรรพสามิตต่ำกว่าเป้า ทำอย่างไรก็คงไม่ลดภาษีน้ำมัน ท่ามกลางความเดือดร้อนชาวบ้าน รัฐมนตรีคลังยังคุยจีดีพีปีนี้จะพุ่ง 3.5-4.5%
ฟังแล้วก็ขำ ย้อนหลังปี 64 ทีแรกสภาพัฒน์คาดการณ์จีดีพี 3.5-4.5% ลดลงเหลือ 2.5-3.5% สุดท้ายกลายเป็น 1.2% ปีนี้ก็มาอีกละ 3.5-4.5%
รัฐบาลอยู่ได้ด้วยการขายฝันเหมือนปั่นหุ้น ออกข่าว PR รายวัน ในทางปกครองก็อยู่ด้วยกระแสดราม่า แบบจับแม่ค้าเครื่องไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือขายเกินราคา หลังเป็นดราม่าออนไลน์ ไล่ออกนาวาเอกกร่าง อวดเบ่ง แอบอ้าง หลังโดนแพร่คลิป เหมือนสนองความพึงพอใจสังคม แต่ไม่เคยแก้ปัญหาเชิงระบบ
การเมืองเข้าทางตันก็ไม่ปรับไม่ยุบ “อย่ายอมแพ้” ของแพงไม่ขึ้นค่าแรง ใช้ตำรวจไล่จับ ใช้อำนาจปราบปรามแก้ปัญหากลไกราคา ลอยหน้าอยู่บนโพลแหกตา คะแนนนิยม 82% พรรคแตก=กำจัดคนชั่ว ทั้งที่สมสู่กันมาแต่ต้น
หลอกคนโง่ได้ แต่เศรษฐกิจปากท้องเป็นของจริง หลอกคนส่วนใหญ่ไม่ได้