พาราสาวะถี

ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต่อความสำเร็จในการเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบีย แต่เนื้อหาสาระที่ถือว่าสัมผัสจับต้องได้มีแค่เรื่องเดียวคือ การฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตในรอบกว่า 30 ปี จากที่ลดระดับไปเหลือแค่อุปทูต จากนี้ทั้งสองประเทศจะกลับมาเป็นระดับเอกอัครราชทูตอีกครั้ง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ท่านผู้นำยกมากล่าวถึง 8-9 ด้านนั้นยังเป็นนามธรรม ที่เหมือนการคาดหวังเป็นกรอบกว้าง ๆ ซึ่งต้องยังผ่านกระบวนการพูดคุย แลกเปลี่ยนกันอีกหลายกระทอกจนกว่าจะเห็นผล

ยกตัวอย่างด้านแรงงาน ที่ผู้นำเผด็จการไทยอ้างไปถึงตลาดแรงงานของไทยซึ่งเคยส่งแรงงานไปยังซาอุฯ เมื่อปี 2530 กว่า 3 แสนคน ในปัจจุบันมีแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือที่มีศักยภาพจำนวนมาก โดยคิดเอาเองว่าแรงงานเหล่านี้จะมีส่วนช่วยเติมเต็มวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 หรือ Saudi Vision 2030 ผ่านโครงการก่อสร้างที่คาดว่าจะมีขึ้นเป็นจำนวนมาก ถามว่าเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาของทั้งสองประเทศ เราติ๊ต่างเอาเอง หรือทางโน้นประกาศว่าแรงงานไทยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ด้านพลังงานความหวังที่ว่าการไปครั้งนี้น่าจะช่วยให้ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรบ้างจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นเวลานี้ สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจชี้แจงก็คือ เกิดการร่วมวิจัยและลงทุน ทั้งในรูปแบบพลังงานดั้งเดิม พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ชาติของทั้งสองประเทศ คำถามคือแล้วมีอะไรที่จะนำมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานในขณะนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าการหารือครั้งนี้ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนำมาเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบนั้น ใช่ทั้งหมดหรือสาระสำคัญของการเดินทางไปครั้งนี้หรือไม่ ต้องอย่าลืมเป็นอันขาดสิ่งที่ประชาคมโลกกำลังจับตามองอยู่ในเวลานี้คือ ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจในฝั่งเผด็จการและประชาธิปไตย อันมีจีน รัสเซีย เป็นแกนหลัก ชนกับ สหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าซาอุฯ ก็ถูกจัดให้อยู่ในประเทศที่มีอำนาจในตะวันออกกลางที่เลือกข้างชัดเจน

ดังนั้น เมื่อผู้นำจากไทยก็มีหัวโขนควบรัฐมนตรีกลาโหมไปด้วย โดยที่อีกฝั่งก็มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเช่นเดียวกัน ประเด็นเรื่องความร่วมมือทางการทหารน่าจะถูกหยิบยกมาหารือกันอย่างแน่นอน หากเป็นแค่ความร่วมมือกันระหว่าสองประเทศก็คงไร้ปัญหา แต่ถ้ามากไปกว่านั้นนี่คือสิ่งที่ต้องระวัง และท่านผู้นำจะต้องแจ้งให้ประชาชนได้รับรู้ด้วยว่ามีการคุยและตัดสินใจกันอย่างไร เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าไปเลือกข้างฝั่งหนึ่งฝ่ายใด สุดท้ายจะวกมาสร้างปัญหาให้กับประเทศในอนาต

ส่วนประเด็นที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งข้อสังเกตว่าการไปครั้งนี้ผู้นำจากประเทศไทยไม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากษัตริย์และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียแลดูไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีก็ถือว่าไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะผู้ที่เชิญมานั้นก็ถือว่ามีบทบาทอย่างสำคัญต่อการบริหารราชการของซาอุฯ อยู่แล้ว สิ่งสำคัญก็คือเป้าหมายของการเชิญในครั้งนี้ก็คาดหมายว่าเพื่อแสดงบทบาทด้านการต่างประเทศของซาอุฯ ต่อประเทศในภูมิภาคเอเชีย หรือการยกบทบาทให้กับมกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียนั่นเอง

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ต้องยอมรับกันว่านับตั้งแต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำการรัฐประหารเพื่อให้การอยู่ในอำนาจของตัวเองเข้มแข็ง จึงมีการใช้กลยุทธ์ปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโออยู่ตลอดเวลาผ่านทุกช่องทาง อาจเรียกได้ว่าใช้เงินหลวงที่มาจากภาษีอากรของประชาชนสร้างข่าวสารกรอกหูประชาชน โจมตีฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ตัวเองมีความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจให้ได้นานที่สุด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องเสพสื่ออย่างระมัดระวัง

ขึ้นชื่อว่าไอโอแล้วย่อมไม่ได้หวังที่จะให้เกิดความรัก ความสามัคคีของคนในชาติอย่างแน่นอน แต่จะต้องทำให้เกิดความเกลียดชังกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็คือสิ่งที่ขบวนการสืบทอดอำนาจถูกมองว่าไม่ยอมขจัดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกก็เพราะความไม่สามัคคีกันนั้น สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะขออยู่แก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพวกลากตั้งทั้งหลายที่ใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการหากินมาจนถึงทุกวันนี้

คนที่อ้างว่าไม่ถนัดเล่นเกมการเมืองหรือไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร คนที่จะอธิบายเรื่องนี้ว่าไม่ได้เป็นจริงอย่างที่อ้างนั่นก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้เรื่องการถูกขับออกจากพรรคสืบทอดอำนาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้เปรียบ หรือถูกมองว่าเป็นการเดินเกมที่เหนือชั้น แต่อีกด้านการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาลอตเตอรี่ราคาแพงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น กรณีนี้เชื่อได้เลยว่าบทสรุปสุดท้ายจะวกกลับมาหาอดีตรัฐมนตรีมันคือแป้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่าในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินหรือการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงที่มาความร่ำรวยของตัวเองนั้น ธรรมนัสยอมรับว่ารายได้ส่วนหนึ่งมาจากการได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท หากถูกโยงว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ทำให้เกิดปัญหาลอตเตอรี่ราคาแพง ก็จะทำให้เจ้าตัวเสียรังวัดหรือถูกเล่นงานทางการเมืองได้ และยิ่งมองไปยังกรรมการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแล้วก็เห็นชัดว่าเป็นสายตรงและศัตรูตัวฉกาจของธรรมนัสทั้งสิ้น

ทั้งที่ความจริงจะว่าไปแล้วเรื่องหวยขายเกินราคาเมื่อมาถึงมือประชาชนนั้น เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาแค่ที่เคยสัมผัสสัมภาษณ์ผู้บริหารสำนักงานสลากฯ ผ่านมากว่า 20 ปี ก็ไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขกันได้ เพราะผลประโยชน์มันเริ่มตั้งแต่ต้นทางมาแล้ว ประเภทเงินทอนอย่างหนัก การปล่อยให้มีการรวมเล่มรวมเบอร์ ทั้งที่โควตาที่ให้มามีการกำหนดและจำกัดกันไว้แล้ว แต่ไม่มีใครเข้าไปจัดการปัญหาให้เด็ดขาด เมื่อสลากถูกปล่อยออกมาจากแหล่งต้นตอราคาใกล้เคียงกับราคาที่กำหนดแล้ว ปลายทางจะให้มาขายไม่เกินราคาได้อย่างไร เอาใจช่วยสิ่งที่ท่านผู้นำสั่งให้ไปทำ ขอให้สำเร็จอย่าเป็นการลูบหน้าปะจมูกก็แล้วกัน