พาราสาวะถี

ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 กทม.เป็นไปอย่างที่โพลอิสระหลายสำนักได้ทำการสำรวจไว้ ไม่เป็นไปตามปฏิบัติการไอโอของพวกสืบทอดอำนาจโหมประโคมกันไว้


ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 กทม.เป็นไปอย่างที่โพลอิสระหลายสำนักได้ทำการสำรวจไว้ ไม่เป็นไปตามปฏิบัติการไอโอของพวกสืบทอดอำนาจโหมประโคมกันไว้ ราคาคุยของอดีตส.ส.ที่ถูกสอย สิระ เจนจาคะ ที่ว่าเมียของตัวเองจะได้คะแนนเสียงถล่มทลายถึงครึ่งแสนนั้น สุดท้ายก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่แค่พ่ายแพ้ แต่คะแนนที่ได้ยังห่างไกลจากที่ตัวเองเคยเฉือนชนะคู่แข่งมา มิหนำซ้ำยังได้คะแนนมาเป็นอันดับ 4 อีกต่างหาก

บอกไปแล้วว่าพื้นที่นี้คนที่ชนะ สุรชาติ เทียนทอง จากเพื่อไทย แม้จะสอบตกจากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด ท่ามกลางข้อกังขาหลายประการ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทิ้งพื้นที่ ยังคงทำงานพบปะกับประชาชนตลอดเวลา จึงเป็นฐานที่สำคัญในการทำให้คว้าชัยได้ไม่ยาก ประกอบกับความเบื่อหน่ายที่มีต่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลเรือเหล็ก ซึ่งบริหารประเทศมาต่อเนื่องเกือบ 8 ปีแต่ไม่มีผลงานอะไรให้สัมผัสจับต้องได้ ดีแต่พูดเอาแต่ทวงบุญคุณไปวัน ๆ

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อรวมคะแนนของสุรชาติ กับ กรุณพล เทียนสุวรรณ จากพรรคก้าวไกลที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านด้วยกัน จะเห็นได้ว่าทิ้ง 3 พรรคที่ประกาศสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแบบไม่เห็นฝุ่น แม้ว่าพรรคกล้าที่ส่ง อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ลงสนาม จะได้คะแนนเบียดกับผู้สมัครจากก้าวไกล แต่นั่นก็เป็นฐานของคนที่สนับสนุนประชาธิปัตย์เป็นหลักอยู่แล้ว เมื่อพรรคเก่าแก่ไม่ส่งคนลงแข่งขัน คนเหล่านี้จึงมีแค่ทางเลือกเดียว

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสภาพของพื้นที่เขต 9 พอจะจำลองเป็นพื้นที่กทม.ทั้งหมดได้ เนื่องจากมีลักษณะความหลากหลายของผู้คน ชุมชน และเขตทหาร มีทั้งคนต่างจังหวัดในนามประชากรแฝง และคนที่เปลี่ยนแปลงภูมิลำเนา รวมไปถึงคนพื้นที่อย่างแท้จริง ระดับของผู้คนก็มีทั้งร่ำรวย คนชั้นกลาง และชาวชุมชน หากจะบอกว่าผลเลือกตั้งซ่อมที่ออกมาน่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็คงจะไม่ผิดนัก

นี่จึงเป็นสิ่งที่ได้ตั้งคำถามไว้ก่อนที่จะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้งซ่อมว่า ถ้าผลเลือกตั้งที่ออกมาแล้วคนของพรรคสืบทอดอำนาจพ่ายแพ้ และไม่คิดว่าจะปราชัยแบบหมดรูปเช่นนี้ จะทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ฝ่ายกุมอำนาจเล่นเกมลากยาวยื้อมาด้วยเหตุผลสารพัด จะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ตามที่เคยบอกไว้หรือไม่ เวลานี้ไม่เพียงแต่คนพรรคเก่าแก่ที่ออกมากระทุ้ง เรียกร้องขอความชัดเจนในเรื่องนี้ ที่ประชุมวุฒิสภาวันวาน วันชัย สอนศิริ ส.ว.ลากตั้งก็ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องนี้เช่นกัน

คำตอบที่ได้จาก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็คือ รัฐบาลไม่ได้เตะถ่วงเรื่องนี้ และไม่มีลับลมคมในอะไร อ้างอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยที่ทางตนและกกต.กำลังหารือกันอยู่ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และหวังว่าจะได้เลือกตั้งภายในเดือนพฤษภาคมนี้ นี่เป็นการตอบในเชิงหลักการ แต่ในทางปฏิบัติก็รู้กันดีอยู่ว่าถ้าการหารือยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งสามารถที่จะหาเหตุมาอ้างได้ ทุกอย่างก็จะถูกเลื่อนไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจหรือฝ่ายกุมอำนาจคิดว่าได้เปรียบที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความเห็นจาก ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ต่อผลเลือกตั้งที่ออกมา คิดว่าคงไม่หนีไปจากที่คนส่วนใหญ่มองเห็น พรรคเพื่อไทยชนะขาดลอยจากเลือกตั้งซ่อม ส่งสัญญาณว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยจะชนะแบบแลนสไลด์ นั่นเพราะเป็นผลมาจากความเป็นตัวแทนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ผลการเลือกตั้งจึงสะท้อนความต้องการของประชาชนเขตนี้ว่าไม่เอาผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ

ที่น่าสนใจก็คือ พรรคก้าวไกลได้คะแนนในลำดับที่ 2 เหนือกว่าพรรคกล้า พรรคสืบทอดอำนาจ และพรรคไทยภักดี ทั้งที่ใช้ทรัพยากรน้อยมาก ใช้การปราศรัยเป็นหลัก และการปราศรัยทุกครั้งไม่แตะต้องก้าวล่วงสถาบันเลย มุ่งนำเสนอปัญหาชาติในปัจจุบัน และสาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากการรวบอำนาจ และสืบทอดอำนาจ ชัยชนะในหน่วยเลือกตั้งที่เป็นเขตทหาร สะท้อนถึงความตื่นตัวของทหารชั้นผู้น้อย และสะท้อนถึงการลงคะแนนโดยอิสระ สะท้อนถึงกองทัพไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมือง

ที่สำคัญชัยชนะลำดับที่ 2 ของพรรคก้าวไกล สะท้อนถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลง ที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจ เพราะแม้พรรคก้าวไกลจะถูกโจมตีอย่างหนักจากพวกขวาจัดมาอย่างยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความต้องการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เลย จะส่งผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และการเลือกตั้งใหญ่อย่างแน่นอน มากไปกว่านั้นก็คือ การปราชัยของพรรคสืบทอดอำนาจ ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือความพ่ายแพ้ของความนิยมที่มีต่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้พิสูจน์ได้ว่าการสร้างกระแสโดยโพลบางโพลว่าไร้ค่า และไม่เป็นความจริง ที่สำคัญพรรคสืบทอดอำนาจต้องแบกรับผลที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งที่หัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และเหรัญญิกพรรคไม่ได้เป็นเสนาบดีคุมกระทรวงใดเลย มากไปกว่านั้นผลจากการปราชัยจะทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลต้องคิดอย่างหนักหากจะเสนอชื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯ อีกครั้ง จะซื้อใจประชาชนได้อีกหรือไม่ จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการเสนอชื่อนายกฯ มากกว่า 1 คน

ในมุมของไพศาลอีกประการที่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยคือ การปราชัยอย่างย่อยยับของไทยภักดี เป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาชนไม่ต้องการพวกขวาจัด ไม่ได้หมายความว่าประชาชนไม่สนใจปกป้องสถาบัน หรือไม่มีความภักดี แต่พิสูจน์ว่าประชาชนเข้าใจดีว่าการปกป้องสถาบัน และความภักดีนั้นเป็นสำนึกในจิตใจของประชาชน และเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอามาใช้ในทางการเมืองเพราะสถาบันไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมือง

บทสรุปจากเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 กทม. ไม่ใช่จะมีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ให้ชัดเจนเท่านั้น หากแต่จะกระทบชิ่งไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ปัญหาใหญ่ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ จะยินยอมให้พรรคใดเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือต้องพึ่งพาพรรคตั้งใหม่ ที่ยังไม่รู้รูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร และจะมีฐานทางการเมืองจากที่ไหน บอกแล้วว่าการเมืองในระบบที่ไม่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทุกอย่างมีต้นทุนทั้งสิ้น ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตากอบโกย เอาแต่ได้เพียงอย่างเดียว

Back to top button