GULF บวก 3% รับผนึก “Singtel-AIS” ตั้ง “ดาต้าเซ็นเตอร์” ในไทย ดึงลูกค้ายักษ์ไอทีระดับโลก

GULF บวก 3% รับข่าวผนึก “Singtel-AIS” รุกตั้ง "ดาต้าเซ็นเตอร์" ในไทย สรุปแผนชัดเจนไตรมาส 1/65 เริ่มก่อสร้างภายในกลางปีนี้ และทยอยรับรู้รายได้กลางปี 66 พร้อมเดินหน้าจ่ายไฟโซลาร์รูฟท็อป 100 เมกะวัตต์ ตุนคาร์บอนเครดิต หวังดึงดูดลูกค้ายักษ์ใหญ่ไอทีทั่วโลก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (4 ก.พ.2564) ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.50% โดยทำจุดสูงสุดที่ 51.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 50.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 535.00 ล้านบาท

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาธุรกิจ (Joint Development Agreement) กับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC (AIS) หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ Singtel ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดตั้งธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ Data Center ที่มีคุณภาพในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับบริการด้านการจัดการและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้จะมุ่งเน้น Data Center ที่มีคุณภาพ โดยจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ประกอบกับการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นพลังงานสะอาด เพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การร่วมมือทางธุรกิจดังกล่าวเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ Data Center โดยบริษัทฯ มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ และเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง ขณะที่ AIS มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ Data Center หลายแห่งในประเทศไทย รวมถึงมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรมากมาย

ส่วน Singtel มีประสบการณ์และความชำนาญในด้านเทคโนโลยีสำหรับ Data Center และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับโลก ที่ต้องใช้ฐานการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscalers) อาทิ กูเกิล และเฟซบุ๊ก ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้ จะส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจ Data Center ให้เติบโตและตอบสนองต่อความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง

สำหรับการลงนามสัญญาฉบับนี้ จะเป็นการปฏิบัติด้านโมเดลธุรกิจ อาทิ ด้านทำเล (โลเคชั่น) เนื่องจากความต้องการของลูกค้าแต่ละรายแตกต่างกัน ซึ่งบริษัทจะต้องหาโลเคชั่นที่เหมาะสม โดยจะผลิตไฟฟ้าและจ่ายไฟให้กับ Data Center คาดว่าแผนจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 1/2565 และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างภายในกลางปี 2565 จากนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามา ส่วนขนาดของพื้นที่ในการตั้ง Data Center นั้นขึ้นอยู่กับเมกะวัตต์ ปัจจุบันประเทศไทยมี 50 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 300 เมกะวัตต์ภายใน 7-8 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งขยายแผนลงทุนพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น ปัจจุบันได้ลงนามสัญญาโซลาร์รูฟท็อป และคาดว่าจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2565 ประมาณ 100 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับ Data Center แต่ Data Center มีความต้องการใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชม. ดังนั้นหากเป็นโซลาร์รูฟท็อปอาจไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าตลอด 24 ชม.ได้ จึงต้องใช้โรงไฟฟ้าที่เป็นก๊าซไปก่อน และหากในอนาคตใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปหน่วยไฟที่ผลิตได้สามารถขายผู้ที่มีความต้องการใช้ หรือขายคาร์บอนเครดิตได้

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Data Center รับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นหลัก ดังนั้นหากเป็นไปได้บริษัทต้องการขายไฟโดยตรงให้กับ Data Center ขณะเดียวกันมองว่าเทคโนโลยี Data Center เป็นแพลตฟอร์มที่มีความต้องการใช้เก็บข้อมูลค่อนข้างมาก ซึ่งพบว่าความต้องการมีการเติบโตมากกว่า 20% ภายใน 7 ปีข้างหน้า

สำหรับความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากลาย (Pak Lay) มีกำลังผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า (Tariff MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในไตรมาส 2/2565 และจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 7-8 ปี เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะ COD ในปี 2575

ด้านนายธีร์ สีอัมพรโรจน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน ADVANC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2565 บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Joint Development Agreement-Data Center Business) กับ GULF และ บริษัท Singapore Telecommunications Limited (Singtel)

โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย โดยเล็งเห็นถึงการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในไทย จากความต้องการของภาคธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศในการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นำมาซึ่งความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมากและมีระบบประมวลผลที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ธุรกิจศูนย์ข้อมูลนี้มุ่งในการสร้างโครงการใหม่ (Greenfield data centers) ที่มีการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง รวมถึงมีการจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

สำหรับการเข้าร่วมมือทางธุรกิจนี้เป็นไปตามทิศทางธุรกิจของบริษัทที่มุ่งผลักดันบริการด้านดิจิทัลทั้งกับกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้าทั่วไป เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ และเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของผู้ร่วมพัฒนาธุรกิจทั้ง 3 บริษัท โดย ADVANC มีประสบการณ์ในการพัฒนาและดำเนินการศูนย์ข้อมูลในไทยหลากหลายแห่ง รวมถึงมีประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้าองค์กรในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน Singtel ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสำหรับศูนย์ข้อมูล และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับโลก (Hyperscaler) ประกอบกับ GULF ที่มีศักยภาพในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมีเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูลให้เติบโตและตอบสนองต่อความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยและมีคุณภาพ

Back to top button