BLA มองเบี้ยประกันปี 65 โตรับศก. ฟื้น ชี้ดีมานด์ประกันสุขภาพ – ยูนิตลิงค์สูง
BLA คาดการณิทิศทางเบี้ยประกันรวมปี 65 เติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ชี้ประชาชนต้องการประกันสุขภาพ – ยูนิตลิงค์ ในจำนวนที่มากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคร้าย
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยว่า ทิศทางเบี้ยประกันรับรวมปี 2565 จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่ผู้บริโภคมีความต้องการหลักประกันมากขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านโรคร้ายต่างๆ ส่งผลให้ความต้องการประกันด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น
โดยในปี 65 บริษัทมองเห็นโอกาสของธุรกิจประกันชีวิต จากความต้องการประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง การรับรู้ข้อมูลการเจ็บป่วยและความยุ่งยากในการเข้ารับการรักษากรณีติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสวัสดิการพื้นฐาน และความกังวลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงต่างๆ ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เป็นบวก ขณะที่แนวโน้มเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์และประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) อีกด้วย และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีความจำเป็นในการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้การหันมาขายประกันชีวิตของธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้เกิดช่องทางการขายใหม่ๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี อาทิ ธุรกิจด้านโทรคมนาคม ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจอื่นๆ ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ หรือสถาบันการเงินด้านอื่นๆ ที่ต้องการผลิตภัณฑ์การเงินแบบครบวงจร การลงทุน การออม และประกันภัยประกันชีวิต
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเพิ่มตัวแทนประกันชีวิตใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 3,000 คน โดยมีตัวแทนประกันที่ทำงานเต็มเวลาคิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของตัวแทนประกันชีวิตใหม่ จากปัจจุบันมีตัวแทนประกันอยู่ทั้งหมด 12,000 คน
โดยนายโชน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต บริษัทจึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (65-67) เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (a journey towards sustainable future) โดยมุ่งเน้น 5 มิติหลักขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วย
1.Health บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ (Excellent Health Services) โดยมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคน ซึ่งปัจจุบันมีแผนความคุ้มครองสุขภาพ ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย
2.Wealth ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม
3.Digital Insurance ทุกกระบวนการรับประกัน ในรูปแบบดิจิทัล ภายใน 5 ปี ตั้งแต่กระบวนการขาย การออกกรมธรรม์ การบริการกรมธรรม์ และการต่ออายุกรมธรรม์ รวมไปถึงส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ โดยมีแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้า BLA Happy Life App และ Bangkok Life GMC App
4.Channel การเพิ่มช่องทางการขาย มีคุณภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและโอกาสทางการตลาด 5.Social Responsibility ขยายบทบาทและหน้าที่ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 64 เบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งระบบอยู่ที่ 545,039 ล้านบาท เติบโต 2.56% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเติบโตของกรมธรรม์ประกันสุขภาพ (Health Insurance) และประกันชีวิตควบการลงทุน(Unit-Linked) แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว(Single premium) สำหรับผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันชีวิต สามารถเติบโตได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวม
ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทในปี 65 ยังคงเน้นการลงทุนไม่แตกต่างจากปี 64 มากนัก โดย 80% เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกูเอกชน ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นตราสารทุน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Reit)
สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกมองว่ายังมีความน่าสนใจ แม้ว่าจะมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น จากทิศทางนโยบายทางการเงินทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เน้นกลุ่ม Value stock มากกว่า Growth Stock