SAPPE โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 37 บ. ชี้กำไรปี 64 “นิวไฮ” แตะ 433 ลบ. โต 14%

SAPPE โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 37 บ. ชี้กำไรปี 64 “นิวไฮ” แตะ 433 ลบ. โต 14% และคาดโตต่อเนื่องในปี 65 มาจากการฟื้นตัวของตลาดในปท.หลังโควิดคลี่คลาย, ส่งออกโต, ออกสินค้าใหม่ หนุน


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.พ. 2565) โดยประเมิน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 78 ล้านบาท ลดลง 45.10% จากไตรมาสก่อน และลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่กำไรลดจากไตรมาสก่อน มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนกำไรที่คาดลดจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทั้งค่าระวางเรือ และค่าใช้จ่ายการตลาดสำหรับส่งออกที่รวบมาตั้งก้อนใหญ่ในไตรมาส 4/2564 หลังไม่ได้ตั้งไว้ในงบงวด 9เดือนแรกปี 2564 (คาดปี 2565 จะมีการทยอยรับรู้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้กระจายในทุกไตรมาส)

ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมถึงว่ายังทำได้ดี โดยคาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ในประเทศยังไม่สดใส แต่ถูกหักล้างด้วยรายได้ส่งออกที่ยังทำได้ดีต่อเนื่อง และคาดอัตรากำไรขั้นต้นอาจยังทรงตัวสูงที่ 39% สูงขึ้นจาก 36.60% ในไตรมาส 4/2563 แม้จะเผชิญต้นทุนเม็ดพลาสติก PET ที่ปรับขึ้นราว 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดีทำ Cost Saving และ Product Mix ที่ดีเข้ามาช่วยหักล้างผลกระทบจากต้นทุน PET ที่สูงขึ้นได้ในระดับที่น่าประทับใจ หากกำไรไตรมาส 4/2564 เป็นไปตามคาด บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิปี 2564 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 10-15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจาก 1.การฟื้นตัวของตลาดในประเทศหลังโควิดคลี่คลาย 2.ตลาดส่งออกจะยังโตต่อแม้จะโตได้ดีในปี 2565 แต่ยังมีฐานต่ำ คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ที่น่าจะกลับมาฟื้น และ 3.มีแผนออกสินค้าใหม่ราว 15-20 SKUs รวมผลิตภัณฑ์กัญชงที่คาดได้เห็นอย่างเร็วในไตรมาส 2/2565-3/2565

สำหรับแรงกดดันด้านต้นทุน ปัจจุบันยังไม่น่ากังวลมีเพียงเม็ดพลาสติก PET ที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งที่ผ่านมาในครึ่งปีหลัง 2564 เป็นช่วงที่ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทฯ ยังบริหารจัดการได้ดีมากขณะที่ว่ายังเห็นการปรับขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และมองว่าผลกระทบ Inflation น่าจะเริ่มผ่อนคลายลงในครึ่งปีหลัง 2565 คาดไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตของกำไรในปี 2565 รวมถึงสถานการณ์ค่าระวางเรือน่าจะคลี่คลายในครึ่งปีหลัง 2565 เช่นเดียวกัน โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ไว้ที่ 496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคงราคาเป้าหมายที่ 37 บาท แนะนำ “ซื้อ” (อิงค่า PE เดิม 23 เท่า)

Back to top button