โบรกฯชี้ดีล GULF-ADVANC เสริมจุดแข็งแพ็คคู่! ดันอัพไซด์ธุรกิจ-ติดปีกผู้นำอุตฯ

โบรกฯมองบวกดีล GULF-ADVANC เสริมจุดแข็งแพ็คคู่! เพิ่มอัพไซด์ธุรกิจ หนุนการเติบโต-ติดปีกผู้นำอุตสาหกรรม โดย GULF จะขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค และ ICT 4.0 ส่วน ADVANC จะได้รับความคุ้มครองจากผลประโยชน์ทับซ้อน อาจนำไปสู่การปลดล็อกมูลค่า


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์กรณี บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF หลังจากที่ประกาศทำข้อตกลงในการร่วมพัฒนา (JDA) กับ Singtel และ ADVANC ในการทำศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย ว่าดีลนี้ตรงตามกลยุทธ์ของ GULF ที่ต้องการขยายธุรกิจจากน้ำมัน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง ไปสู่ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งรวมถึงโลกเสมือน (Metaverse), คริปโต, ธุรกิจการเงินโดยมีบล็อคเชนเป็นพื้นฐาน, รีเทล, สาธารณูปโภค, และอินเทอร์เน็ตของทุกสรรพสิ่ง (Internet-of-Everything) ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่งของ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet-of-Things)

อีกทั้งฝ่ายวิจัยคาดว่าธุรกิจศูนย์ข้อมูลนี้จะสร้างอัพไซด์ให้กับ GULF หลังจากที่ JDA นี้สามารถถือครองสัดส่วนทั้งหมดในธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ ADVANC ได้ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 8 แห่งทั่วประเทศ พร้อมตู้เครือข่ายข้อมูลถึง 5,000 ตู้ บนสมมุติฐานการเข้าซื้อที่ราคา 7 ล้านบาทต่อตู้ จะทำให้ต้องใช้เงินลงทุนราว 3.50 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า JDA จะสามารถสร้างกำไรได้ราว 3.7 พันล้านบาทต่อปี บนพื้นฐานค่าเช้า 7.40 แสนบาทต่อตู้ ซึ่ง ADVANC ถือเป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในไทยมากกว่า WHA ที่มี 700 ตู้ รวมทั้ง INET ที่มี 492 ตู้ และ ITEL ที่มี 164 ตู้

ขณะเดียวกันในส่วนดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GULF ได้ 2.6 บาทต่อหุ้น จากกรณี 1) การถือครองในสัดส่วน 35% 2) JDA มี NPV อยู่ที่ 3.10 หมื่นล้านบาท และ 3) WACC 5%

นอกจากนี้มีการประเมินส่วนของรายได้ในปี 2564 ของ GULF คาดว่าจะอยู่ที่ 3.18 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ในปี 2565 รายได้อยู่ที่ 7.46 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิปี 2564 คาดอยู่ที่ 7.40 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” GULF ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 60 บาท โดยมองว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี 4.0 จะสามารถทำให้ GULF ขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค และ ICT 4.0 ได้

ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์กรณี บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ว่าการประกาศทำข้อตกลงในการร่วมพัฒนาลงทุนในศูนย์ข้อมูลระหว่าง GULF, Singtel และ ADVANC ถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลเชิงลึก แต่ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อความร่วมมือในครั้งนี้อีกด้วย 1) นักลงทุนรายย่อยของ ADVANC จะได้รับความคุ้มครองจากผลประโยชน์ทับซ้อน 2) จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ Non-mobile 3) ดีลนี้อาจนำไปสู่การปลดล็อกมูลค่า

พร้อมทั้งฝ่ายวิจัยให้เห็นว่าการพัฒนาศูนย์ข้อมูลนั้นจะต้องใช้เวลาราว 2-3 ปี และในมุมมองเชิงลบอาจกระทบต่อความคาดหวังของตลาดในเรื่องของเงินสดอิสระหลังการชำระค่าใบอนุญาต 5G เข้าสู่สภาวะปกติ

อย่างไรก็ตามยังไม่อาจตัดความเป็นไปได้เรื่องการปลดล็อกมูลค่าของ ADVANC ซึ่งในขณะนี้ทางบริษัทมีศูนย์ข้อมูลอยู่ 9 แห่ง และมีตู้เครือข่ายอยู่ราว 5 พันตู้ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก INETREIT และ ITEL ราคาขายจะอยู่ราว 8.70 ล้านบาทต่อ 1 ตู้ ส่วนค่าก่อสร้างคาดว่าจะอยู่ราว 4.60 ล้านบาท และอัตราการเช่าคืนรายปีอยู่ที่ 7.40 แสนบาทต่อตู้

นอกจากนั้นแล้วยังมองว่า ADVANC จะจ่ายปันผลของการดำเนินงานปี 2564 จาก 75% ของกำไร และจะเพิ่มเป็น 80% ในปี 2565-2566 ที่สำคัญยังมีโอกาสที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง GULF อาจปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งถ้าหากมีการเปลี่ยนเป็นจ่ายปันผล 100% อัตราปันผลต่อหุ้นในครึ่งหลังของปี 2564 จะเพิ่มขึ้นราว 33-68% หรือจาก 3.26 บาท เป็น 4.33-5.48 บาท และจะมีอัพไซด์ 25% ต่ออัตราปันผลต่อหุ้นในปี 2565-2566

ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดว่ามูลค่าเพิ่มของดีลนี้คิดเป็นอัพไซด์ราว 1.60-3.60% ต่อราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 229.54 บาท แบ่งเป็น 198.57 บาทสำหรับการดำเนินงานปกติ และ 30.98 บาทสำหรับการรวมตลาด (Market Consolidation) และคงมุมมอง Neutral หรือ ถือ สำหรับ ADVANC โดยมองว่าการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นรับรู้เรื่องการรวมตลาด

Back to top button