รบ.นี้ไม่มีจุดตาย
ประธานสภาอุตสาหกรรมพูดถึงการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ว่า น่าจะดี เพราะทำให้รัฐบาลกลับมามีเอกภาพ อาจมีวิธีทำงานใหม่ คนใหม่ ๆ “อย่างไรก็ไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว”
ประธานสภาอุตสาหกรรมพูดถึงการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ว่า น่าจะดี เพราะทำให้รัฐบาลกลับมามีเอกภาพ อาจมีวิธีทำงานใหม่ คนใหม่ ๆ “อย่างไรก็ไม่เลวร้ายไปกว่านี้แล้ว”
สะท้อนกันตรง ๆ ว่าการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลตอนนี้ “เลวร้ายถึงจุดต่ำสุด” ขนาดภาคธุรกิจเอกชนซึ่งไม่สนใจความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ที่ผ่านมาก็อยากเห็นการเมืองนิ่ง ไม่มีขัดแย้งวุ่นวาย ไม่เดือดร้อนกับรัฐประหารสืบทอดอำนาจ 8 ปี แต่ตอนนี้ชักไม่ไหวแล้ว
ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องไปถึงจุดที่สินค้าแพง อาหารแพง น้ำมันแพง จ่อขึ้นค่าแก๊สค่าไฟ ก็พูดได้นะว่าเงินเฟ้อทั้งโลก แต่คนไทยไม่มีกำลังซื้อ ธุรกิจย่อยล้มหาย พืชผลขายไม่ออก เกษตรกรต้องทิ้งผลผลิตเช่นกะหล่ำปลี
น้ำมันขึ้นตามตลาดโลก ก็ใช่ แต่ทำไมต้องคงภาษีสรรพสามิต 5.99 บาท ทำไมต้องผสมไบโอดีเซล ทั้งที่น้ำมันปาล์มแพง รถบรรทุกออกมาเรียกร้อง เพราะถ้าแพงอย่างนี้จะต้องขึ้นค่าขนส่ง ซึ่งจะกระทบต้นทุนสินค้า ประยุทธ์กลับบอกว่าทุกคนเดือดร้อนหมด ไม่ใช่รถบรรทุกกลุ่มเดียว อ้าว กลายเป็นรถบรรทุกผิด
ในทางการเมือง ก็ดูเหมือนเสถียรภาพง่อนแง่น พรรคร่วมรัฐบาลขัดแย้ง รัฐมนตรีภูมิใจไทยไม่เข้าประชุม ครม.ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว พรรคพลังประชารัฐแตกเป็นพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งโหวตสวนรัฐบาลใน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของฝ่ายค้าน พรรคเล็กร่วมรัฐบาลก็ทำท่าจะรวมกลุ่มต่อรอง เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้าย สมัยหน้ายากจะกลับมา
สภาล่มซ้ำซาก เพราะพรรคฝ่ายค้านไม่แสดงตนตอนนับองค์ประชุม จนเกิดดราม่าทะเลาะกันเอง โดนประชาชนด่าเพราะไม่อยู่โหวตร่างกฎหมายที่ช่วยกันเชียร์ แต่ถึงที่สุด ก็สะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาล ตัวเองครองเสียงข้างมากแต่ไม่สามารถระดม ส.ส.มาประชุมเกินกึ่งหนึ่ง
กระนั้น ประยุทธ์ก็ยังลอยนวลได้อีกนาน ไม่ต้องยุบสภา เพราะหนึ่ง กว่าจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ก็เดือนพฤษภา เพราะสอง อาศัยช่องว่าง แก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งแล้ว แต่กฎหมายเลือกตั้งยังไม่เข้าสภา เนติบริกรหาข้ออ้าง ยุบสภายังไม่ได้
ปัจจัยสำคัญคือประยุทธ์ไม่ได้อยู่ด้วยความนิยมหรือผลงาน แต่มีเครือข่ายอำนาจหนุนหลัง ทั้งอำนาจเหนือระบอบ รัฐราชการทหารตำรวจ กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ 250 ส.ว. ซึ่งไม่ยอมให้ประยุทธ์พัง ต้องช่วยกันค้ำ จนกว่าจะหาคนใหม่มาเปลี่ยนหน้า แล้วเอาประยุทธ์ไปไว้ในที่ปลอดภัย
โดนด่าเพียงไร ไร้ฝีมือไร้เสถียรภาพเพียงไร ทะเลาะขัดแย้งกันเพียงไร ก็เปลี่ยนประยุทธ์ไม่ได้ “ไม่มีจุดตาย”
พรรคร่วมรัฐบาลแตกอย่างไร ก็ยังอยากเป็นรัฐบาล ไม่มีใครอยากให้ยุบสภา ระหว่างนี้ก็ต่อรองอำนาจ หาคะแนนนิยมหาผลประโยชน์ หาทุนอาวุธกระสุนเลือกตั้ง เป็นไปไม่ได้หรอกที่พรรคร่วมจะประกาศถอนตัว เว้นแต่มีสัญญาณว่าเครือข่ายอำนาจเทประยุทธ์
ส.ส.ในสภาแม้ตีรวน แต่ถ้าเคลียร์ความขัดแย้ง จัดสรรตำแหน่งลงตัว ก็อยู่ได้ แม้ไม่ถึงขั้นหวนมาจูบปาก เพียงแต่สมัยหน้าจะใช้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายกฯ ก็ยาก
ในขั้วอำนาจมีข่าว 3 ป.ทะเลาะกัน ทั้งปัญหาจัดสรรจัดแบ่ง และขัดแย้งทิศทางการเมือง นั่นสะท้อนว่าขั้วอำนาจเริ่มไม่มีเอกภาพ ส่วนหนึ่งเห็นว่าประยุทธ์ไปต่อยาก แต่ก็ไม่รู้จะหาใครแทน
นักวิเคราะห์การเมืองทั้งหลาย เห็นตรงกันว่ารัฐบาลแย่แล้ว แต่มองไม่ออกว่าตรงไหนคือ “จุดตาย” เพราะสามารถบริหารประเทศไปเรื่อย ๆ โดยไม่แยแสสภา ไม่แยแสประชาชนด่า ไม่ต้องกลัวรัฐประหารไม่ต้องกลัวองค์กรอิสระ เพราะมาจากรัฐประหาร
ตายทั้งเป็นก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ ชาวบ้านสิตายจริง การเปลี่ยนประยุทธ์ การยุบสภาลาออกจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่เครือข่ายอำนาจเจ้าของประยุทธ์ จะเห็นว่าการอุ้มประยุทธ์กระทบเสถียรภาพ จึงค่อยโยน