KEX ต้นทุนขาย-บริการพุ่ง! กดงบปี 64 กำไรเหลือ 46.92 ลบ.
KEX ต้นทุนขาย-บริการพุ่ง! กดงบปี 64 กำไรเหลือ 46.92 ลบ. จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.4 พันลบ.
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564
โดย KEX ประกาศปริมาณการจัดส่งพัสดุสูงสุดในปี 2564 หรือเติบโต 30% จากปีก่อน และรายงานรายได้รวมปี 2564 เท่ากับ 18,817.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก ปีก่อนหน้าที่ 18,917.1 ล้านบาท หรือเพียง 0.5% สอดคล้องกับรายได้จากลูกค้าทุกประเภททั้ง B2B, B2C และ C2C ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านราคาเชิงรุก การรุกเข้าสู่ตลาดการจัดส่งพัสดุราคาประหยัดและกลุ่มผู้ขายบนสังคมโซเชียลต่าง ๆ แม้กำลังซื้อของ ผู้บริโภคจะยังคงอ่อนตัวและเกิดการชะงักตัวของการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) และโซเชียลคอมเมิร์ซ (Social commerce)
ด้านต้นทุนขายและการให้บริการรวมปี 2564 อยู่ที่ 17,478.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อนหน้า ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจัดส่งพัสดุที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% แม้ว่าต้นทุนจากการดำเนินงานในสถานการณ์ปกติจะได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี แต่ KEX ได้มีการลงทุนระยะสั้นและใช้ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มเพื่อเตรียม ทรัพยากรสำรองในการรองรับสถานการณ์ COVID-19 เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทฯ ยังคงรักษาคุณภาพการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาสที่ 3 และการกลายพันธุ์ของเชื้อโอมิครอนในไตรมาสที่ 4 โดยสถานการณ์ COVID-19 ได้สร้างความลำบากและซับซ้อน ในธุรกิจทั้งการหยุดชะงักของห่วงโซ่ทางธุรกิจทั่วโลก สถานการณ์แรงงานที่หดหายไป และการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นไปด้วยความ ยากลำบากเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชั่วคราวดังกล่าวได้ทำให้ต้นทุนการเตรียมการและการขยายความสามารถในการรองรับพัสดุเพิ่มขึ้น อันได้แก่ บุคลากร ยานพาหนะ อุปกรณ์ และการจัดหาจำนวนศูนย์คัดแยกพัสดุสำรอง ศูนย์กระจายพัสดุสำรอง และจุดให้บริการต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งหากไม่มีการ เตรียมการที่ดีพอ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและการวางแผน และอาจทำให้การจัดส่งหยุดชะงัก ความบกพร่องของคุณภาพการ ให้บริการ และความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ที่สูญเสียไปดังเช่นที่เกิดขึ้นกับคู่แข่งในตลาด
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะลดลงเมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในไตรมาส 2 ของปี 2565 และปริมาณการจัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้นตามลำดับ