OR ไม่มีเซอร์ไพรส์
หุ้น OR แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ออกมาแล้ว ถือว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สรุป...ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์
หุ้น OR แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ออกมาแล้ว
ถือว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
สรุป…ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์
หรือพอจะเป็นปัจจัยเข้ามาช่วยดันราคาหุ้นให้ขึ้นไปห่าง ๆ ราคา 25 บาทได้
กำไรไตรมาส 4 อยู่ที่ 2,534 ล้านบาท
หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 3/64) กำไรจะเพิ่มขึ้น 462 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +24.4% และคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากระดับ 0.16 บาท
ทว่ากำไรไตรมาส 4 หากเทียบกับไตรมาส 4/2563
กำไรจะลดลงราว ๆ 19-20%
เหตุผลเพราะไตรมาส 4/2563 สถานการณ์ของโควิดค่อนข้างจะดีกว่าไตรมาส 4/2564
ส่วนกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2564 เพราะไตรมาส 3 ยังอยู่ในช่วงของการ “ปิดเมือง”
และแม้ว่าไตรมาส 4 จะกลับมาเปิดเมืองแล้ว
แต่ความคึกคักดูจะลดน้อยถอยลงไป จากเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอ
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบขึ้นมาระดับสูง
แต่ OR กลับไม่สามารถที่จะขยับราคา (ค่าการตลาด) ได้มากนัก
แม้ว่า ตัวของน้ำมันจะขายได้เพิ่มขึ้นช่วงไตรมาส 4 หรือประมาณ 24.1% (จากไตรมาส 3/2564)
“กลุ่ม ธุรกิจ Mobility เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรอ่อนตัวลงจากภาวะกดดันในการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการ ในช่วงราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาคประชาชน”
นี่คือคำชี้แจงในคำอธิบายประกอบงบการเงินของไตรมาส 4
หรือหากอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ
นั่นคือ น้ำมันขายได้มากขึ้นนั่นแหละ
แต่ค่าการตลาดลดลงเพราะรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคา (ค่าการตลาด) น้ำมัน
กำไรจากการขายน้ำมัน (ปลีก) ที่ควรจะต้องได้ในอัตราเหมาะสม ก็เลยไม่ได้
แล้วกลุ่มธุรกิจ Non-Oil (กลุ่มธุรกิจ Lifestyle) เป็นอย่างไรล่ะ
เท่าที่เข้าไปดู พบว่าตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าราว ๆ 34.5%
แม้ว่ากลุ่มนันออยล์จะมีรายได้เพิ่มขึ้น
แต่สัดส่วน หรือเปอร์เซ็นต์หากนำไปเทียบกับธุรกิจน้ำมัน ยังห่างกันลิบลับ
OR ยังคงมีรายได้หลัก ๆ มาจากน้ำมัน คิดเป็น 91.1%
กลุ่มนันออยล์คิดเป็น 3.3%
กลุ่มต่างประเทศ 5.4%
และอื่น ๆ อีก 0.2%
ดังนั้น จะเห็นว่า น้ำมันยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับ OR
แต่กลับเป็นธุรกิจที่สร้าง “มาร์จิ้น” ได้ต่ำ (มาก ๆ)
เข้าใจว่าผู้บริหารเอง คงเห็นปัญหาตรงนี้นั่นแหละ
ที่ผ่านมาจึงพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้จากนันออยล์ให้มากขึ้น มีการใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 4-5 พันล้านบาท
ทว่า ตอนนี้ ยังไม่ค่อยออกดอก หรือเห็นผลอย่างชัดเจนมากนัก
แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะไม่เห็นแสงสว่างนะ
เพราะหากดูตัวเลข EBITA ของ OR
เริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง
EBITDA ในไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 4,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367 ล้านบาท (+9.1%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564
หลัก ๆ มาจากกลุ่มธุรกิจนันออยล์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 46.0%
และคิดเป็น 20.6% จาก EBITDA รวม
ส่วนของธุรกิจน้ำมันจะมี EBITDA อยู่ที่ 75.6% และต่างประเทศ 3.6%
EBITDA Margin ที่ดีขึ้นในส่วนของนันออยล์
ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ
มีข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยในส่วนของร้าน Café Amazon ณ สิ้นไตรมาส 4 ที่ผ่านมา มีสาขารวม 3,628 สาขา เพิ่มขึ้น 318 สาขาจากสิ้นปี 2563
กาแฟไตรมาส 4/2564 ขายได้ 87 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 19 ล้านแก้ว จากสิ้นไตรมาส 3/2564
สรุป ผลประกอบการของ OR ยังไม่มีอะไรที่เป็นเซอร์ไพรส์เชิงบวก
ที่เหลือคงต้องลุ้นว่า ธุรกิจนันออยล์ จะเพิ่ม EBITDA ให้กับ OR มากและเร็วแค่ไหน