TOP ดีด 2% หลังโชว์งบปี 64 เทิร์นอะราวด์! ลุ้นกำไรปี 65 แตะ 1.3 หมื่นลบ.
TOP ดีดขึ้น 2% หลังโชว์งบปี 64 เทิร์นอะราวด์ รับค่าการกลั่นฟื้นเร็ว และรับ stock gain จ่อจ่ายปันผล 2 บ./หุ้น ขึ้น XD 3 มี.ค.65 ขณะเดียวกันโบรกฯปรับประมาณการกำไรปี 65 แตะ 1.34 หมื่นลบ. ชูราคาเป้าหมาย 70 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ. 65) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 11:06 น. อยู่ที่ระดับ 54.00 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.37% โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 54.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 53.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 850.04 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่าหุ้น TOP ประกาศงบไตรมาส 4/2564 มีกำไรสุทธิ 5 พันล้านบาท (ลดลง 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 144% จากไตรมาสก่อน) เป็นไปตามตลาดและฝ่ายวิเคราะห์คาด เพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่สูงขึ้นจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในช่วงฤดูหนาว ส่วนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่สูงจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC ในไตรมาส 4/2563
ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 12,578.03 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 3,301.41 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 2.00 บาทต่อหุ้นสาหรับผลประกอบการปี 2564 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 3.8% โดยขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 มี.ค.2565 และมีการจ่ายเงินปันผล 25 เม.ย. 2565
นอกจากนี้ บล.เคทีบีเอสที ปรับประมาณการการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 27% เป็น 1.34 หมื่นล้านบาท หลักๆเพื่อสะท้อน 1) สมมติฐานค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด 2) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน (stock gain) ที่สูงขึ้นตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยดูไบที่สูงขึ้น และ 3) ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ราคาหุ้น outperform SET 5% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับ crack spread ที่ฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดสะท้อน valuation ที่น่าสนใจที่ 2565 PBV 0.83 เท่า (ประมาณ -1.25SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง)
ทั้งนี้มองว่า TOP จะได้ประโยชน์จากแนวโน้ม crack spread ที่อยู่ในระดับสูงในครึ่งแรกปี 2565 แต่อาจจะมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในครึ่งหลังของปี 2565 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงตามอุปทานที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความกังวลต่อการเพิ่มทุนที่อาจจะเกิดขึ้นไปแล้ว (อยู่ระหว่างรอนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น)
ดังนั้นได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 70.00 บาท (เดิม 68.00 บาท) แนะนำ “ซื้อ” เพราะเชื่อว่า TOP จะเห็นการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางทั่วโลก อย่างไรก็ดี คาดว่าบริษัทอาจจะมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในครึ่งหลังของปี 2565 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงตามอุปทานที่สูงขึ้น