TNP หุ้นไกลปืนเที่ยงที่ยั่งยืน
ราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดานของหุ้นค้าปลีก TNP ที่ปักหลักที่เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของประเทศ ยังคงย่ำอยู่ที่ฐานต่ำที่แถว ๆ 5.15 บาท
ราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดานของหุ้นค้าปลีก บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ที่ปักหลักที่เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของประเทศ ยังคงย่ำอยู่ที่ฐานต่ำที่แถว ๆ 5.15 บาท เมินต่อเสียงเชียร์ให้ซื้อของนักวิเคราะห์ที่ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 6.40 บาท เนื่องจากคาดหมายว่าจะทำกำไรได้สวยงามอีกครั้ง หลังจากที่ที่เซอร์ไพร้ส์มาทั้งปี โดยคาดว่าจะมีกำไรไตรมาสสุดท้ายทิ้งทวนที่ 51 ล้านบาท
หากเป็นตามคาดว่าจะมีกำไรดังที่นักวิเคราะห์คาดหมายปี 2564 จะเป็นปีที่ทำสถิติใหม่ทั้งยอดขาย และกำไร สวยงามอีกครั้ง โดยจะมีกำไรสุทธิประมาณ 187 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิสูงเกือบ 8%
กำไรที่เติบโตสวนทางกับร้านค้าปลีกอื่น ๆ สะท้อนว่า ผู้บริหารบริษัทนี้ จัดจุดเด่นของภัยจากโควิด-19 ได้อย่างชาญฉลาด สามารถเพิ่มยอดขายได้มากจากการแปลงวิกฤตเป็นโอกาส มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยสาขาเดิมก็สามารถทำกำไรมากขึ้นจาก 1) ขยายสาขาเพิ่มขึ้น และความสามารถในการต่อยอดของธุรกิจจากธุรกรรมใหม่ ๆ ได้ดี นอกเหนือจากการหาจังหวะจากบัตรสวัสดิการของรัฐที่หนุนให้ยอดขายเติบโตขึ้น
ในปี 2565 นี้ TNP ยังคงมีความคึกคักจากยอดขายและกิจกรรมเสริมสร้างโอกาสที่เข้ามา เช่นล่าสุดจับมือกับพันธมิตรใหม่ที่ไม่ขัดแย้งกันอย่างกลุ่มธุรกิจแฟลช เพื่อให้สาขาของTNP เปิดจุดส่งพัสดุ (Drop Off) จำนวน 38 สาขาทั่วภาคเหนือตอนบน เพื่อให้การขยายธุรกิจเป็นไปตามทิศทางของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทยแบบครบวงจร สตาร์ทอัพไทยรายแรกที่ก้าวสู่ยูนิคอร์นระดับสากล ที่ได้วางเป้าหมายขยายช่องทางการให้บริการขนส่งพัสดุให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ความสำเร็จจากการเปิดสาขาใหม่นอกเชียงราย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ธนพิริยะ ราคาถูกจริง ช้อปปิ้งถูกใจ อยู่ใกล้บ้าน” ที่ทำให้ TNP ในปีที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่จำนวน 6 สาขา ทำได้เกินกว่าเป้าหมาย โดยปัจจุบัน TNP มี 38 สาขา ครอบคลุม 3 จังหวัดโซนภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย จ.เชียงราย 30 สาขา จ.เชียงใหม่ 3 สาขา และจ.พะเยา 5 สาขา
สาขาที่เพิ่มมากขึ้นและการจับมือกับพันธมิตรในการทำธุรกิจใหม่น่าจะทำให้ยอดขาย และกำไรของ TNP เติบโตเร็วกว่าต้นทุนการขยายเครือข่ายค้าปลีกที่ยังมีช่องทางเติบโตต่อไปได้อีก
ผลประกอบการได้ดีเกินกว่าจะบอกว่า “เฮง” ดังที่ได้กล่าวมานั้น เกิดจากเบื้องหลังความสำเร็จที่น่าอิจฉา ของกลยุทธ์ที่นักการตลาดระดับโลกรู้จักกันในนามของ “focusing” อย่างแท้จริง
TNP มีฐานรากจากธุรกิจค้าปลีกที่เชียงราย เข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2558 แล้วใช้เงินที่ระดมทุนได้อย่างแน่วแน่ เจาะช่องโหว่ของตลาดค้าปลีกชนิดไม่หวั่นกลัวการรุกข้ามถิ่นของค้าปลีกประเภท “คอนวีเนียนสโตร์” จนสามารถขยายสาขาของตนเองโดยไม่มีการเติบโตด้วยแฟรนไชส์
ล่าสุดสามารถรุกเจาะตลาดค้าปลีกในเขต 3 จังหวัดอย่างต่อเนื่องในตลาด “ปราบเซียน” อย่างเชียงราย พะเยา และเชียงใหม่ ……ที่น่าสนใจอยู่ตรงที่การขยายตัวและพุ่งขึ้นของยอดขาย ไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร แต่กลับเพิ่มขึ้น
จากอัตรากำไรสุทธิในปี 2559 ที่ระดับ 3.82% มาสิ้นไตรมาสสามของปีก่อนที่ระดับ 7% เกิดจากความสามารถเติบโตของกำไรที่สูงกว่ายอดขายด้วยการดำเนินงานปกติล้วน ๆ มาจากสามีภรรยาผู้บุกเบิกตลาดค้าปลีกแบบนี้อย่างนายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ และนางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ ที่นำพาให้ธุรกิจครอบครัวพ้นจากสภาพเดิมเป็นบริษัทมหาชนตามเจตจำนงที่ตั้งเอาไว้ ไม่มีว่อกแว่ก
หนี้น้อย เพราะบริษัทไม่เน้นการสร้างสินทรัพย์ด้วยหนี้ แถมยังรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ได้ต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหนี้การค้าสบายใจว่าได้รับเงินสดแน่นอน อย่างนี้ แม้จะมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับต่ำกว่า 10% ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทมีปัญหาอะไร
คำอธิบายของนายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ TNP ที่ว่า ยอดการเติบโตที่งดงาม มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากสาขาเดิม 12.50% รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายรวมจากการขยายสาขาของบริษัทฯ โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาจำนวนเกินเป้า
ประเด็นที่ผิดคาดคือ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 1/2563 ถึงปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา กลับส่งผลบวกให้ยอดขายในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 สูงขึ้นจากการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าล่วงหน้าในช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นสถานการณ์ส้มหล่นที่นอกเหนือคาดหมาย
ความสำเร็จต่อ ๆ มา ไม่ได้ทำให้ TNP หยุดยั้ง เพราะทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับผลกระทบในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ร้านธนพิริยะอยู่ในกลุ่มร้านค้าปลีกที่ยังคงเปิดให้บริการ และลูกค้าหลักของบริษัทฯ ไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยว แต่เป็นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่
ยอดขายเพิ่มขึ้น จากการซื้อสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภคของประชาชนเขตท้องถิ่นเฉพาะในจำนวนที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้โดยรวมแล้วของ TNP ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะสามารถทำให้มาตรการเพิ่มจุดคัดกรองแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมทั้งทำความสะอาดร้านค้า และอุปกรณ์ภายในร้านทั้งหมดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้อย่างไร้กังวล
ธุรกิจที่ผู้บริหารไม่ว่อกแว่กกับเกมการเงินจนเกินกำลัง แต่รู้จุดเด่นของตนเองอย่าง TNP น่าสนใจไม่น้อย เมื่อมองเห็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ปัญหาประการเดียวของหุ้นขนาดเล็กแบบนี้คือเรื่องที่นักวิเคราะห์มักจะมองข้ามเสมอ เพราะมีขนาดเล็กในแง่มูลค่าการตลาด แต่สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นที่เติบโตต่อเนื่องมีอนาคตดี ทำให้ค่าพี/อีที่ต่ำกว่า 20 เท่า ต่ำกว่าระดับปกติ ถือว่าหากไม่ได้ซื้อลงทุน ถือว่าพลาดไปพอสมควร
การที่ราคาหุ้น TNP ย่อตัวลงมากลับเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนตาแหลมที่รู้จักเลือกซื้อหุ้นที่มีศักยภาพในราคาต่ำ ที่เป็น “ของดีที่ถูกมองข้าม”
ยามนี้แหละที่จะมีโอกาสเก็บของดีราคาต่ำก่อนจะต้องชะเง้อหากราคาหุ้นทะยานฟ้าหลังงบการเงินออกมา