ลุ้นกำไร PJW ปี 65-67 โตเฉลี่ย 15% จ่อแตกไลน์รุกตลาด “อีวี” เสริมแกร่ง โบรกฯเคาะเป้า 6 บ.
โบรกฯแนะ “ซื้อ” PJW เป้า 6 บ. ชี้กำไรปี 65-67 โตเฉลี่ย 15% คาดแตกไลน์รุกธุรกิจ “อีวี” ตามแผน New S-curve เพื่อชดเชยธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่จะถูก disrupt จากรถ EV ในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.พ. 2565) ว่า บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ทำได้น่าประทับใจ 50.20 ล้านบาทเป็นจุดสูงสุดของปี เพิ่มขึ้น 62.50% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 15.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าคาด 3 ล้านบาท กำไรที่ดีขึ้นมาจากรายได้ที่เติบโตตามการเปิดเมือง เพิ่มขึ้น 3.80% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 778.0 ล้านบาท การผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.40% จาก 17.70% ในไตรมาส 3/2564 แต่ยังต่ำกว่าไตรมาส 4/2563 ที่ทำได้ 22.60% เนื่องจากในไตรมาสนี้ยังมีปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ราคาแพงอยู่บ้าง แต่บริษัทฯ ยังควบคุมรายจ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้กาไรเติบโตดีดังกล่าว
โดยกำไรสุทธิทั้งปี 2564 จบที่ 169.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ฟื้นต่อเนื่องจากปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่ Turnaround จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 9.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตมากที่ 18.50% และยังคุมรายจ่ายอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้กำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างกิจการโดยโอนกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกยานยนต์ ชิ้นส่วนที่ใช้เม็ดพลาสติกวิศวกรรมในโรงงานอุตสาหกรรม แม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงสินทรัพย์ (ลูกหนี้การค้า สิงค้าคงคลัง ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เจ้าหนี้การค้า และอื่นๆ) ที่เกี่ยวกับยานยนต์ ไปอยู่ภายใต้ บจ. PJW AutoEV (เดิมชื่อบจ. พลาสเทคแล็บ) ซึ่งเป็นบ.ย่อยที่ PJW ถือ 99.99% ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการแยกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ออกมาอย่างชัดเจน บริษัทฯ น่าจะมีแผนในการเตรียมตัวรุกตลาด EV ที่บริษัทฯ มีความพร้อมในด้านเครื่องจักร ความรู้ความชำนาญ และการบริหารต้นทุนการผลิต เพื่อให้การดำเนินงานคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายในการมองหา New S-curve ที่จะชดเชยธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่จะถูก disrupt จากรถ EV ในอนาคต และการอยู่ในตลาดยานยนต์ก็ยังอยู่ในพื้นที่ความชำนาญของบริษัทฯ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงไม่ยากนัก
สำหรับแนวโน้มปี 2565 จะยังเติบโตต่อและเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นพัฒนาการของบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนสู่ New S-curve ใหม่ๆ เช่น การจำหน่ายไซริงค์และผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในทางการแพทย์อื่นๆ ธุรกิจ Master Laundry และความชัดเจนในการขยายสู่ตลาด EV ขณะที่การลงทุนในอดีต ได้แก่ โรงงานพ่นสีในไทยและโรงงานบรรจุภัณฑ์พลาสติกน้ำมันหล่อลื่นในจีน จะไม่ฉุดรั้งกำไร ทางฝ่ายวิจัยยังคงคาดกำไรปี 2565-2567 เติบโตเฉลี่ย 15.40% CAGR คงราคาเป้าหมาย 6.00 บาท อิงค่า PE ที่ 17 เท่า, ค่า PEG ที่ 1.1 หาก PJW W1 ใช้สิทธิครบจานวน ราคาเป้าหมายจะ dilute เป็น 4.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”