ดาวโจนส์ปิดลบหลังสหรัฐฯเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีภาคบริการที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเสร็จสิ้นการประชุมในวันพุธตามเวลาสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (27 ต.ค.) ที่ 17,581.43 จุด ลดลง 41.62 จุด หรือ -0.24%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,030.15 จุด ลดลง 4.55 จุด หรือ -0.09% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,065.89 จุด ลดลง 5.29 จุด หรือ -0.26%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงซบเซาหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงสู่ระดับ 97.6 ในเดือนต.ค. หลังแตะระดับ 102.6 ในเดือนก.ย. ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ย.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐ
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะเสร็จสิ้นลงในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานเฟดได้กล่าวแสดงความเห็นเมื่อเร็วๆนี้ว่า การตัดสินใจของเฟดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดนั้น เฟดจะพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง เป็นปัจจัยสำคัญ
ขณะที่สำนักงานวิจัยด้านการเงินของสหรัฐ (OFR) เปิดเผยในรายงานฉบับล่าสุดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อหุ้น และสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ พร้อมระบุว่า OFR ยังต้องจับตาดูว่าราคาสินทรัพย์จะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นต่อไปหรือไม่ เมื่อเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ปรับลง 3.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ, หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ดิ่งลง 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด, หุ้นอาลีบาบา ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน พุ่งขึ้น 4.05% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นไฟเซอร์ ปรับขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาดและได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการตลอดปี 2558
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 3/2558, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน