V-Shape มาเต็ม

แรงขายของกองทุนที่ออกมาเป็นระลอกทำให้นักเล่นบางคนถึงกับร้องอุทานเสียงหลง “โอ้แม่เจ้า” กันเป็นแถบ เพราะระยะเวลาแค่ 2 เดือน พี่ท่านสาดหุ้นออกมากว่า 6 หมื่นล้าน


*แรงขายของกองทุนที่ออกมาเป็นระลอกทำให้นักเล่นบางคนถึงกับร้องอุทานเสียงหลง “โอ้แม่เจ้า” กันเป็นแถบ เพราะระยะเวลาแค่ 2 เดือน พี่ท่านสาดหุ้นออกมากว่า 6 หมื่นล้าน และเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ดัชนีแกว่งตุปัดตุเป๋เป็นช่วง ๆ แต่โชคดีที่ต่างชาติยังหาจังหวะช้อนหุ้น และไม่ผสมโรงขายหุ้นเหมือนปีก่อน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังสามารถยกฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมได้นะจ๊ะ

*ประเด็นข้างต้นเห็นได้จากไซเคิลของดัชนีเคลื่อนตัวในแต่ละรอบเป็นแบบ V-Shape พร้อมกับมีการทำจุดต่ำสุดในแต่ละรอบสูงขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเห็นได้จากเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมาอยู่แถว 1,560 จุด ถัดมาในเดือน ม.ค. มีจุดต่ำสุดในรอบดังกล่าวอยู่ที่ 1,620 จุด และในเดือน ก.พ. ก็อยู่ที่บริเวณ 1,656 จุด (วานนี้เอง) “โมนิก้า” ถึงเชื่อแบบสนิทใจว่า นี่เป็นจังหวะของการเล่นรอบของคนที่ชอบลุ้นไงล่ะคะ

*ยิ่งเห็นดัชนีแกว่งตัวฉวัดเฉวียนตามข่าวสงครามถี่ขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเปิดช่องให้นักเล่นสถาบันทุบหุ้นได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะมันเป็นเหตุผลที่ดูดีในจังหวะตลาดหุ้นกำลังรอลุ้นผลงานไตรมาส 1 ปี 65 จะออกสวยขนาดไหน? “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับเรียงเหตุการณ์ที่เล่าให้ฟังข้างต้น มันมีความสัมพันธ์กับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,662.72 บาท ลบไป 33.73 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.26 แสนล้านบาทจริงไหม?..ต่อจากนั้นจะรู้ด้วยตัวเองว่า “ลุย” หรือ “ถอย” นะจะบอกให้

*เหมือนกับการทรุดตัวของหุ้นใบโพธิ์ SCB ลงมาปิดที่ระดับ 125.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.63 พันล้านบาท หลังวิ่งไม่ผ่านยอดเดิมบริเวณ 140 บาท เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่กำลังรอปัจจัยบวกเข้ามาแบบรัว ๆ ผนวกกับแนวรับสำคัญ 120 บาทยังทำหน้าที่ได้ดีในช่วงย่อตัวลงมา 3 ครั้งก่อน จึงน่าจะเป็นโอกาสของการทยอยสะสมหุ้นนะคะ

*ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้กับหุ้นตามหนี้ชั้นนำของประเทศอย่าง JMT ก็เป็นช็อตเด็ดที่เดี๊ยนชอบเม้าท์ถึงเป็นประจำในช่วงก่อนงบออก และหลังงบออก เพราะโมเมนตัมของธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบเต็มตัว ยิ่งใครนับวงรอบของการตามหนี้เพื่อบันทึกเป็นกำไรได้แตกฉาน ก็จะเห็นความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นทุกไตรมาส “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่โบรกใหญ่ ๆ อัพราคาเป้าหมายเป็นระยะ และการที่หุ้นยืนปิด 67 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.90 พันล้านบาท จึงน่าจะเป็นโอกาสของการลงทุนอีกครั้งเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องโอกาสขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากมองไปที่หุ้น STARK เพื่อให้เข้ากับหัวเรื่อง V-Shape ที่เกริ่นไว้ทันที เพราะมองดูจากโครงสร้างราคาหุ้นในช่วง 1 ปีจะเห็นว่า มีรูปแบบตามนี้เป๊ะ..เป๊ะ โดยมีกรอบใหญ่อยู่ที่ระดับ 3.90-5.50 บาท ส่วนการเคลื่อนตัวในกรอบเล็กก็อยู่ในระดับ 4.20-4.80 บาท เดี๊ยนถึงเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.48 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 697 ล้านบาท ซึ่งได้แรงหนุนจากกำไรโตเท่าตัว น่าจะทำให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเด่นขึ้นจ้า!

*คล้ายกับสถานการณ์ของ PTT ก็มีวงรอบแบบวีเชฟชัดเจนมากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ผนวกกับกรอบการเล่นในช่วง 5 เดือนหลังอยู่ที่ระดับ 37-41 บาท “โมนิก้า” เลยมั่นใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 38.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.97 พันล้านบาท คือจังหวะที่เล่นได้แบบชิล ๆ เพราะโมเมนตัมของธุรกิจก็ไปสวย แถมโมเมนตัมหุ้นก็ดูดีเหลือหลาย เลยไม่มีอะไรต้องกังวลมากไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงอสังหาฯ ตัวท็อปฟอร์มอย่างหุ้น ORI ขึ้นมาทันที เพราะการขึ้นของหุ้นเป็นแบบวีเชฟที่มีจุดต่ำสุดในแต่ละรอบยกตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับ “เฮียโด่ง” มีแผนสปินบริษัทลูก “วันออริจิ้น” เพื่อดันเข้าตลาดหุ้นปลายปี 65 เพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนในช่วงครึ่งปีหลัง เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ราคาปิดที่ 11.90 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 206 ล้านบาท เหมาะต่อการทยอยสะสมนะจ๊ะ

*ตบท้ายกันที่หุ้น BJC กันสักหน่อยดีกว่า เพราะผลงานปี 64 ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ผสานกับในช่วงครึ่งปีหลังยังมีลุ้นเรื่องกำไรโต “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 33.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 764 ล้านบาท เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ ผสานกับแนวความคิดเรื่อง “สปินบิ๊กซี” เพื่อเข้าตลาดหุ้นยังมีให้ได้ยินเป็นระยะ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งที่มีสตอรี่ให้ติดตามตลอดทั้งปี..ไม่เชื่อลองถามคุณน้อง “อัศวิน” ดูก็ได้..อิอิอิ

Back to top button