SISB กำไรปี 64 แตะ 209 ลบ. โต 30% อานิสงส์รายได้ฟื้น-คุมต้นทุนดี เคาะปันผล 0.10 บ.
SISB รายได้ฟื้น-คุมต้นทุนเยี่ยม ดันกำไรปี 64 แตะ 208.75 ลบ. เคาะปันผลหุ้นละ 0.10 บ. ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มี.ค.65 กำหนดจ่ายวันที่ 22 เม.ย. 65 พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 15-20% และวางแผนการลงทุนในช่วงปี 2565-2569 เพื่อรองรับแผนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ผ่านการขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Project H
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,071.24 ล้านบาท เริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,068.84 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น
อีกทั้ง กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยังคงสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานไว้ได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แม้ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบจากการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการศึกษา และนักเรียนในระดับอนุบาลที่ขอหยุดพักการเรียนในช่วงคำสั่งให้ปิดโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนจำเป็นต้องจัดการเรียนการสอนทั้งหมดผ่านระบบออนไลน์
ทั้งนี้ทำให้บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 208.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 159.93 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมาอนุมัติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลงวดปี 2564 งวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 เมษายน 2565
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตราว 15-20% ถือเป็นการกลับเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ ปัจจุบันโรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบปกติ (On-site) โดยเฉพาะนักเรียนในระดับอนุบาลที่กลับมาเรียนเกือบครบแล้ว และมีนักเรียนบางส่วนเข้าเรียนในรูปแบบปกติ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเรียนในรูปแบบออนไลน์ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯได้ติดต่อประสานงานฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและเด็กนักเรียน
นอกจากนั้นกลุ่มบริษัทฯได้วางแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 2565-2569) เพื่อรองรับแผนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ผ่านการขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Project H ซึ่งจะเป็นรูปแบบของโรงเรียนนานาชาติในย่านชานเมือง และในหัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการศึกษาในราคาที่เข้าถึงได้ วางเป้าหมายจำนวนนักเรียนภายในกลุ่ม 4,150 คน
โดยในปี 2566 เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ 5 โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี ตามแผน และเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติภายใต้ Project H เป็นลำดับถัดไป โดยล่าสุดช่วงปลายปี 2564 กลุ่มบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อที่ดินกับ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ขนาดพื้นที่ประมาณ 24.5 ไร่ใน จ.ระยอง เพื่อพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ 6 อยู่ภายใต้การพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติใน Project H โดยจะมีหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนและกลยุทธ์เพิ่มจำนวนนักเรียนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ปัจจุบันมีผู้ปกครองชาวต่างชาติติดต่อสอบถามแนวทางในการส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนในเครือ จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังคงนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์