SPALI กางแผน Q1 เปิดตัว 9 โครงการ 1.4 หมื่นลบ. ดันรายได้ปีนี้โตตามเป้า 2.9 หมื่นลบ.
SPALI กางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงไตรมาส 1/65 ราว 8-9 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นลบ. พร้อมตั้งเป้าปี 65 มีรายได้โต 2.9 หมื่นลบ. ขณะที่ยอดขายคาดทำได้ 2.8 หมื่นลบ.
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 25 ก.พ. 2565 โดยระบุว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ระดับ 2.8 หมื่นล้านบาท และจะเน้นไปทางโครงการแนวราบ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทำการซื้อที่ดินเพื่อรอพัฒนาโครงการแล้วจำนวน 5 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในปีนี้ หรือ 2566 เป็นต้นไป
โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีสัญญาณที่ดี เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกในปีก่อน ดังนั้นจึงคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงไตรมาส 1 มีแผนเปิดตัว 8-9 โครงการ มูลค่าประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันเปิดตัวแล้ว 3 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการที่ศรีราชา และสงขลา และโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ 1 โครงการ ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้วราว 20% ของเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ ช่วงปลายสัปดาห์นี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 2 แห่งเป็นบ้านขนาดใหญ่ ระดับราคา 10 ล้านบาท ที่ภูเก็ต และเชียงราย ซึ่งขณะนี้มียอดขายรวมของ 2 โครงการในระดับ 100 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวที่ดีในโครงการระดับบน เนื่องจากมียอดขายสูงกว่าโครงการระดับกลาง และหากว่าสถานการณ์ในประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นก็คาดว่าปีนี้จะเป็นปีทองของสินค้าในระดับบน
พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตที่ระดับ 2.9 หมื่นล้านบาท โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ปัจจุบันที่ระดับ 2.7 หมื่นลบ. แบ่งเป็นปี 2565 ที่ระดับ 1.61 หมื่นล้านบาท ปี 2566 ราว 7.5 พันล้านบาท และปี 2567 อีกราว 3.7 พันล้านบาท
ขณะที่บริษัทจะมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดจำนวน 7 โครงการ ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่มีการโอนกรรมสิทธิ์เพียงแค่ 3 โครงการ โดยปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี และคาดว่าทั้ง 7 โครงการจะสามารถผลักดันยอดโอนในปีนี้ให้เติบโตต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับหมดแล้ว และเริ่มวางผังโครงการเรียบร้อยแล้ว
สำหรับปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถมีรายได้รวมที่ 2.96 หมื่นล้านบาท เติบโต 41% เทียบกับปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ ซึ่งทำได้สูงถึง 2.89 หมื่นล้านบาท เติบโต 42% เทียบกับปีก่อนหน้า แบ่งเป็นการโอนโครงการแนวราย 51% และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 49% ซึ่งสูงกว่าปี 2564 ที่โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมได้เพียงแค่ 32%
ขณะที่มีกำไรสุทธิที่ระดับ 7.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.31% จากปี 2563 ที่มีกำไร 4.25 พันล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 และกำไรสะสม เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 เม.ย. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พ.ค. 2565