โบรกเชียร์ “ซื้อ” GLOBAL ชี้ยอดขายโตต่อ อานิสงส์มาตรการรัฐ-ลุยลงทุนอาเซียน ขยายฐานลูกค้า

โบรกเชียร์ “ซื้อ” GLOBAL ชี้ยอดขายโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อ และยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นการใช้จ่าย อีกทั้งเตรียมขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น


โบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL หลังยอด SSSG เป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 และคาดจะดีต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 1/2565 จากการเข้าสู่ฤดูกาลซื้อ และยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 7-8 สาขาทั้งในและต่างประเทศในปี 2565

อีกทั้งบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการให้บริษัทร่วมทุนอย่างโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (GBI) เข้าซื้อหุ้นในบริษัท Caturkarda Depo Bangunan Tok (CKDB) ผู้นำร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น

รวมทั้งบริษัทฯ มีแผนรักษาระดับ Gross Profit Margin ด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand พร้อมเน้นกลยุทธ์ Product Mix และปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้ม SSSG ยังคงดีต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2564 คาดเดือน ม.ค. 2565 เป็นบวกประมาณ 10% โดยสินค้าขายดีคือกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม และตกแต่ง ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 คาดทรงตัวได้จากในปี 2564 บริษัทฯ ได้ทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน อีกทั้งมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าจะชดเชยราคาเหล็กที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้

นอกจากการเข้าซื้อหุ้นใน CKDB ผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย GLOBAL ยังมีสาขาในกัมพูชา 1 สาขา ลาว 7 สาขา เมียนมา 8 สาขา และคาดว่าจะเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ในปี 2566 ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากลาวและเมียนมาร์ในปี 2564 โต 246% เป็น 81 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% ของกำไร GLOBAL และมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น

ด้านบริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ยังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวของ GLOBAL โดยคงกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 3.49 พันล้านบาท จากปัจจัยหลักอย่างรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 7-8 สาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังภาคธุรกิจได้ปรับตัวกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อีกด้วย

ขณะเดียวกันแม้ว่าจะคาด GPM ที่ 24.50% ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.20% หลังประเมินว่าราคาเหล็กอาจอ่อนตัวลงจากปี 2564 อย่างไรก็ตาม GLOBAL จะยังมีการปรับกลยุทธ์การขาย Product Mix เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไร และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand มากขึ้น

Back to top button