12 หุ้นรพ. จับมือวิ่ง! โบรกชี้ไร้กระทบ “สงคราม-เงินเฟ้อ” ชู BH-BDMS ดาวเด่น
12 หุ้นรพ. จับมือวิ่ง! โบรกชี้ไร้กระทบสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”-เงินเฟ้อ ชูดาวเด่น BH แนวโน้มกำไรสดใสเติบโต 3 ปีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 39% และ BDMS แนวโน้มกำไรสดใสเติบโต 3 ปีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการกลับมาของผู้ป่วยไทยโรคไม่เร่งด่วนและผู้ป่วยต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 มี.ค. 2565) ณ เวลา 10:50 น. พบว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน นำโดยเช่น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 24.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.08% มูลค่าการซื้อขาย 534.53 ล้านบาท
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 172.50 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 3.29% มูลค่าการซื้อขาย 330.35 ล้านบาท
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 20.20 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.51% มูลค่าการซื้อขาย 269.10 ล้านบาท
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.72 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.33% มูลค่าการซื้อขาย 260.82 ล้านบาท
บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 54.75 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.78% มูลค่าการซื้อขาย 96.65 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (8 มี.ค. 2565) ว่าหุ้นโรงพยาบาลจะไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากมี ผู้ป่วยจากสองประเทศนี้จำนวนเพียงเล็กน้อย ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้ความมั่งคั่งของ ลูกค้าตะวันออกกลางสูงขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นสัดส่วนใหญ่ของผู้ป่วยต่างชาติในไทย ความขัดแย้งทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 5.28% ในเดือนก.พ. และทำให้ต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น แต่โรงพยาบาลจะสามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นให้ผู้ป่วย
ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่โควิดรวม ส่วนของ (BH, BDMS, BCH และ CHG) ฟื้นตัว 30% จากไตรมาสก่อนเป็น 2.6 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 แตะ 89% ของไตรมาส 4/2562 (ก่อนโควิด) โมเมนตัมรายได้จะต่อเนื่องปี 2565 เนื่องจากผู้ป่วยคลายกังวลในการเข้ารักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามหลังการเปิดเมืองในเดือน พ.ย. รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติของ BH และ BDMS เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อนเป็น 5.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2564 แตะระดับ 61% ของระดับในไตรมาส 4 ปี 2562 ซึ่งคาดรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโต 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.3 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ ซึ่งจะมารักษาโรคซับซ้อนซึ่งมีค่า รักษาและอัตรากำไรขั้นต้นสูง BH และ BDMS จะได้ประโยชน์จากการฟื้นความสัมพันธ์ ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุฯ หลังหยุดไป 32 ปี
ทั้งนี้หุ้นเด่นของกลุ่มโรงพยาบาล ยังคงเป็น BH และ BDMS โดยชอบ BH และ BDMS จากแนวโน้มกำไรสดใสเติบโต 3 ปีเฉลี่ย CAGR +39% และ 15% ตามลำดับจากการกลับมาของผู้ป่วยไทยโรคไม่เร่งด่วนและผู้ป่วยต่างชาติ แนะนำ “ถือ” BCH และ CHG ซึ่งมีแนวโน้มกำไรลดลงตามรายได้เกี่ยวกับโควิด