OR เมื่อไร้ชื่อเซียนฮง
ผ่านมาถึงตอนนี้ เท่าที่เช็กดู ยังไม่มีนักลงทุนรายใหญ่คนไหนที่เข้ามาเล่นหุ้นโออาร์ จนกว่าจะมองเห็น “โอกาส” ทางธุรกิจด้านนันออยล์ที่ชัดเจนนั่นแหละ
รับทราบกันแล้ว
หลังปิดสมุดบัญชีล่าสุดของ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR
ชื่อของ “สถาพร งามเรืองพงศ์” หรือ “เซียนฮง” หายไปแล้วจากการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ก่อนหน้านี้ เคยเขียนไว้แล้วว่า เขาได้ปล่อยหุ้นไปราว ๆ 126 ล้านหุ้น หลังปิดสมุดบัญชีงวดปันผลระหว่างกาลของปี 2564
ตอนขายล็อตแรก เซียนฮงปล่อยหุ้นออกมาได้ค่อนข้าง “นิ่ม” มาก
คือ ราคาหุ้น OR ขณะนั้นแทบไม่สั่นไหว
ทั้งที่หุ้นที่ถูกปล่อยออกมามีจำนวนมหาศาล
ราคา OR ขณะนั้นยังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 29-30 บาท
ไม่มีใครทราบวิธีการขายหุ้นของเขาว่าขายให้กับใคร กองทุน หรือค่อย ๆ หยอดในตลาด ฯลฯ
เช่นเดียวกัน
การขายหุ้นโออาร์ล็อตล่าสุดของเซียนฮง
แม้จะถูกคาดหมายมาก่อนหน้านี้แล้วว่า “ขายแน่”
แต่ก็ไม่มีใครทราบเช่นกันว่า เขามีวิธี “ปล่อยหุ้น” จำนวนมหาศาลนั้นออกไปอย่างไร
นี่ยังไม่นับช่วงที่เขาซื้อหุ้นโออาร์กว่า 244.2 ล้านหุ้นด้วยว่า เขามีวิธีเก็บ (หุ้น) อย่างไร ถึงได้มามากมายขนาดนั้น
ว่ากันว่าไลฟ์สไตล์ของเซียนฮงเป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้าง “เก็บตัว” หรือ โลว์โปรไฟล์
แทบไม่เคยสัมภาษณ์ออกสื่อ
หรืออาจจะไม่เคยเลยก็ว่าได้
มีข่าวว่าเขาสนิทกับนักลงทุนรายใหญ่ระดับ “เสี่ย” คนหนึ่งที่คนในวงการตลาดหุ้นต่างรู้จักกันดี
เซียนฮงคุยกับนักลงทุนรายใหญ่คนนี้ค่อนข้างบ่อย และบ่อยกว่านักลงทุนรายใหญ่คนอื่น ๆ
“ความลับ” เรื่องการเข้าและออกหุ้นโออาร์ของเซียนฮง
จึงน่าจะทราบกันไม่กี่คน
อาจจะแค่ 2 คน หรือ 3 คน
มาแบบเงียบ ๆ แล้วก็ถอยออกแบบเงียบ ๆ
คาดว่าช่วงที่เขาสนใจเข้ามาถือหุ้นโออาร์ แน่นอนว่าน่าจะเห็น “โอกาส” มากกว่า “อุปสรรค”
แต่เมื่อเข้ามาถือหุ้นแล้ว
เขาคงเห็น “อุปสรรค” มากกว่า “โอกาส”
บทวิเคราะห์หุ้นโออาร์
ล่าสุด หลังจากที่แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2564 ออกมา
แม้ว่าว่าโบรกฯ ส่วนใหญ่ต่างแนะนำทั้ง “ซื้อ” และ “ถือ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยออกมาอยู่ที่ 29.50 บาท
แต่ราคาหุ้นกลับดิ่งลงต่อเนื่อง
อุปสรรคสำคัญของโออาร์คือ ธุรกิจออยล์หรือค้าปลีกน้ำมัน กลับถูกแทรกแซงอย่างหนักจากภาครัฐ
ค่าการตลาดที่โออาร์ควรได้ ล่าสุดเห็นว่าลงไป “ติดลบ”
ผลประกอบการไตรมาส 4/2564 แม้ว่าค่า EBITDA ของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทว่าสัดส่วนของธุรกิจนันออยล์ ยังคงมีสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำมัน
ทำให้รายได้และกำไรจากส่วนนันออยล์ ยังคงไม่เพียงพอที่จะเข้ามาช่วยชดเชยกำไรที่ควรได้จากค้าปลีกน้ำมันมากนัก และไม่ทราบว่าสถานการณ์แบบนี้จะไปสิ้นสุดเมื่อไหร่
เคยเขียนบอกไว้แล้วว่า โออาร์หากจะเข้าลงทุนธุรกิจนันออยล์
และจะให้มีผลต่อราคาหุ้น และน่าสนใจ
ฟังแล้วต้องร้อง “ว้าว” เช่น ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่
ดังนั้น เมื่อไม่ว้าว เท่ากับไม่น่าสนใจ
ผ่านมาถึงตอนนี้ เท่าที่เช็กดู ยังไม่มีนักลงทุนรายใหญ่คนไหนที่เข้ามาเล่นหุ้นโออาร์
จนกว่าจะมองเห็น “โอกาส” ทางธุรกิจด้านนันออยล์ที่ชัดเจนนั่นแหละ
หรือไม่ก็ต้องรอให้ราคาลงมาต่ำกว่านี้