KTAM สบช่องฉวยจังหวะราคาน้ำมันดิบร่วงเปิดขาย KTOIL5-1 เป้า 5% ใน 6 เดือน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบได้มีการปรับตัวลงแรงกว่าร้อยละ 50 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน (OPEC ) ได้ตัดสินใจคงกำลังการผลิต เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด จากการคุกคามของผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหม่ ในสหัฐฯ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกกังวลกับสภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเนื่องจากประเทศจีน เป็นประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันสูงเป็นอันดับที่2 ของโลก


นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบได้มีการปรับตัวลงแรงกว่าร้อยละ 50 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน (OPEC ) ได้ตัดสินใจคงกำลังการผลิต เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด จากการคุกคามของผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหม่ ในสหัฐฯ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกกังวลกับสภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเนื่องจากประเทศจีน เป็นประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันสูงเป็นอันดับที่2 ของโลก

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดับมีแนวโน้มจะทรงตัวในครึ่งปีหลัง และมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวลดลง หลังจากที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบบางรายประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาน้ำมันดิบ ณ ระดับปัจจุบัน โดยนักวิเคราะห์ทั่วโลกได้ประเมินเป้าหมายราคาน้ำมันดิบ ปลายปีนี้ ไว้ที่ 48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ ในปีหน้า อยู่ที่ 57 ดอลล่าร์ ต่อบาร์เรล โดยอ้างอิงจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texes Intermediate

ในโอกาสนี้ จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการหาโอกาสสร้างผลตอบแทน จากการลงทุน ให้กับผู้ลงทุน บริษัทจึงเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม ออยล์ ทริกเกอร์ ฟันด์ 5% ( KTOIL5-1 ) ในวันที่ 29 ตุลาคม -3 พฤศจิกายน 2558 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยมุ่งสู่เป้าหมายเลิกโครงการที่5% ภายใน6 เดือน กองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United States Oil Fund ,LP ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งกองทุนรวมหลัก จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และบริหารจัดการโดย United States Commodity Funds ,LLC มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อให้อัตราการเปลี่ยนแปลงรายวัน ของมูลค่าสุทธิต่อหน่วยลงทุนของกองทุน สะท้อนอัตราการเปลี่ยนแปลงรายวันของราคาน้ำมันดิบคุณภาพดี ซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสัญญาฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับน้ำมันดิบคุณภาพดี ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไนเม็กซ์ โดยสัญญาฟิวเจอร์สดังกล่าว เป็นสัญญาฟิวเจอร์สที่จะหมดอายุในเดือนที่ใกล้ที่สุด ยกเว้นในกรณีที่สัญญาฟิวเจอร์สที่จะหมดอายุในเดิอนถัดไปเป็นดัชนีอ้างอิง ( Benchmark Oil Futures Contract )

นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า นักลงทุนที่สนใจ สามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งหลังจากจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.7000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติอต่อกัน ขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติจะต้องเป็นเงินสด โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105ของมูลค่าที่ตราไว้ พร้อมทั้งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติของจำนวนผุ้ถือหน่วยลงทุนทุกรายไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่น ภายใน5 วันทำการ ทั้งนี้ หากในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกโครงการภายใน6 เดือนนับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจะเปิดทำการรับซื้อคืนแบบปกติ ในวันทำการแรกนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมันในช่วง 6 เดือน ข้างหน้า ได้แก่ ปริมาณการผลิตน้ำดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในช่วงกลางปี เป็นผลจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ลดลงก่อนหน้า บริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบส่วนใหญ่จะเริ่มลดกำลังการผลิตหลังจากที่สัญญาขายน้ำมันดิบล่วงหน้าจะเริ่มทยอยหมดอายุในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ต้องปรับลดราคาขายลงตามราคาตลาด แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะช่วยผลักดันให้ความต้องการใช้พลังงานขยายตัวขึ้น ราคาน้ำมันที่ตกต่ำเป็นแรงกระตุ้นให้อุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากผู้บริโภคหันมาใช้ยานพาหนะส่วนตัวเพิ่มขึ้น และการเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงปลายปี จะทำให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิง และน้ามันดิบเพิ่มมากขึ้น

Back to top button