พาราสาวะถีอรชุน
ถามคนไทยทั้งประเทศว่าพร้อมหรือยัง หลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศกร้าวกลางวงประชุมแม่น้ำ 5 สาย ถ้าประเทศไม่สงบจะอยู่ต่อถึงขั้นปิดประเทศก็ยอม มันชักจะเข้าเค้าแช่แข็งประเทศไทยยังไงชอบกล แต่เหตุผลที่จะเป็นเช่นนั้น อยากถามดังๆ ว่าอะไรที่ยังทำให้หัวหน้าคสช.ขุ่นข้องหมองใจ เพราะมองไปยังฝ่ายการเมืองก็เงียบกันสนิท มีแสดงความเห็นบ้างก็กระปริดกระปรอย
ถามคนไทยทั้งประเทศว่าพร้อมหรือยัง หลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศกร้าวกลางวงประชุมแม่น้ำ 5 สาย ถ้าประเทศไม่สงบจะอยู่ต่อถึงขั้นปิดประเทศก็ยอม มันชักจะเข้าเค้าแช่แข็งประเทศไทยยังไงชอบกล แต่เหตุผลที่จะเป็นเช่นนั้น อยากถามดังๆ ว่าอะไรที่ยังทำให้หัวหน้าคสช.ขุ่นข้องหมองใจ เพราะมองไปยังฝ่ายการเมืองก็เงียบกันสนิท มีแสดงความเห็นบ้างก็กระปริดกระปรอย
ส่วนกลุ่มการเมืองแทบจะไม่ต้องพูดถึงฝ่ายม็อบชัตดาวน์กรุงเทพฯแสดงให้เห็นอย่างออกนอกหน้าว่าสนับสนุนองค์รัฏฐาธิปัตย์พร้อมชาวคณะอย่างเต็มที่ ขณะที่คนเสื้อแดงแกนนำนปช.ก็ประกาศกันชัดถ้อยชัดคำ เรื่องนัดหมายใส่เสื้อแดงให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 1 พฤศจิกายนนี้ไม่ได้ทำ ส่วนจะเป็นแผนปล่อยข่าวล่อสร้างความลวงของใครนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องไปตรวจสอบ
หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าไว้วางใจก็ให้ประกาศต่อสาธารณชนเพื่อทราบ จะได้รู้ว่าใคร กลุ่มไหนที่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองไม่ต้องการให้ประเทศชาติสงบและเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่อ้างความลับแล้วมุบมิบรายงานกันไป คนส่วนใหญ่เขาก็ไม่ไว้วางใจว่าเป็นการสร้างข่าว อ้างสถานการณ์เท็จเพื่อหวังประโยชน์จากการอยู่นานหรือเปล่า
เพราะจนถึงขนาดนี้ต้องถามบิ๊กตู่ดังๆ ว่า ที่อารมณ์เสียตวาดลั่นอยู่บ่อยๆ นั้น ไม่พอใจใคร ยังเห็นว่าใครกล้าหืออีกหรือ หรือการบันดาลโทสะเนื่องจากอำนาจที่มีอยู่เต็มมือและเด็ดขาดมันจัดการได้แต่งานด้านความมั่นคง แต่ปัญหาใหญ่อย่างเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชนมันสาละวันเตี้ยลงอยู่เรื่อยๆ ถ้าเช่นนั้นก็แนะนำว่าอย่าไปตะคอกใส่คนส่วนใหญ่เพราะเขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
ทางที่ดีต้องไปไล่เบี้ยจี้เอากับคนที่ชงนโยบายประชารัฐและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากต่อท่านผู้นำ นั่นก็คือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาตรการที่ว่าจะเห็นผลเมื่อไหร่และได้ผลแน่ใช่ไหม จะได้ประกาศให้ประชาชีเขาได้สบายใจ หากประชาชนยิ้มย่องผ่องใสผู้มีอำนาจจะได้เลิกตีหน้ายักษ์เสียที แค่เท่านี้ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ยิ่งหงุดหงิดยิ่งเป็นผลร้ายต่อผู้บริหารบ้านเมืองและประเทศไทยเอง
ประเด็นเรื่องปิดประเทศ หากฝรั่งมังค่าพวกนักลงทุนเป็นประเภทกระต่ายตื่นตูม จะพากันชะลอการลงทุนหรือขนเงินที่ลงอยู่แล้วกลับประเทศไปเสียฉิบ นี่แหละคืออีกอย่างที่เป็นบทเรียนสำหรับผู้บริหารไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใดก็ตาม การสื่อสารในภาพใหญ่ที่ได้ชื่อว่าประเทศไทยนั้น มันต้องสุขุมคัมภีรภาพ ไม่ใช่สั่งซ้ายหันขวาหันเหมือนสั่งทหารเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม เป็นทหารยุคนี้ไม่ใช่เรื่องสบาย เพราะ ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ได้เรียบเรียงภาระงานใหม่ในฐานะรั้วของชาติ หลังรัฐประหารพฤษภาคม 2557 ไว้ในเว็บไซต์ประชาไท มีถึง 20 ภารกิจที่เราไม่คาดคิดว่าทหารจะทำได้ กลายเป็นคู่แข่งของตำรวจที่มีสโลแกนประจำสีกากีว่า ไม่มีเรื่องไหนในใต้ฟ้านี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ เวลานี้ทหารไทยก็เป็นเช่นเดียวกัน
ภารกิจ 20 ประการดังว่า ประกอบไปด้วย ให้การอนุมัติงานเสวนาวิชาการ เข้าฟังพร้อมถ่ายภาพวิดีโอ ชวนประชาชนไปดื่มกาแฟ เพื่อขอความร่วมมือในเรื่องต่างๆ ขอให้ทำหรือไม่ทำอะไรตามที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าอาจจะส่งผลให้เกิดความไม่สบายใจและนำไปสู่ความขัดแย้ง ผลักดันชาวบ้านออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของคสช.เรื่องการปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้
คุมประตูระบายน้ำ จากเดิมที่เป็นหน้าที่ของกรมชลประทาน แต่เจ้าหน้าที่ทหารต้องเข้ามาดูแลงานในส่วนนี้ด้วย อันเป็นผลมาจากปัญหาผลกระทบที่รุนแรงของภัยแล้ง ภารกิจเยี่ยมเยือนประชาชน ซึ่งไม่บ่อยนักที่ประชาชนอย่างเราๆ จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ทหาร หลังจากรัฐประหารไม่นานนักเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มออกพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง หลายคนมีเจ้าหน้าที่ค่อยเฝ้าติดตามอยู่เป็นระยะ บางคนเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมถึงที่บ้าน
บางครั้งเจ้าหน้าที่ยังมีน้ำจิตน้ำใจ ไปหาพ่อแม่ของประชาชนอีกด้วย พร้อมๆ กับคำถาม “สอนลูกอย่างไร ถึงออกมาต้านรัฐประหาร” จัดการอบรมปรับทัศนคติและพาทัวร์ค่ายทหาร (สำหรับบางคน) จับตาดูชาวบ้านรวมตัวพูดเรื่องสิทธิชุมชน อำนวยความสะดวกในการขนย้ายอุปกรณ์ขุดเจาะปิโตรเลียม จัดตั้งกองสงครามไซเบอร์
ขอให้แม่ค้าปลาหมึกทอดถอดสติ๊กเกอร์พรรคเพื่อไทย ยึดสตรอว์เบอร์รี่หวั่นกระทบความมั่นคง เหตุการณ์นี้เกิดที่แม่ฮ่องสอนเมื่อทหารเข้ารื้อเต็นท์และยึดสินค้าจากร้านขายผลิตภัณฑ์สตรอว์เบอร์รี่ชื่อ @ PAI ที่มีเจ้าของเป็นแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ สาเหตุมาจากร้านได้ทำโลโก้เป็นรูปการ์ตูนคนหน้าเหลี่ยม คล้ายภาพ ทักษิณ ชินวัตร ในวันต่อมาเจ้าหน้าที่ทหาร ร.7 พัน 5 ได้หารือกับเจ้าของร้านพร้อมขอโทษเนื่องจากเข้าใจผิดและคืนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
จัดเวทีประชาพิจารณ์ ในค่ายทหาร เปิดศาลทหารนอกเวลาทำการกรณี 14 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่จัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร เยี่ยมร้านขายข้าวลายจุดจนปิดร้าน เรียกบรรณาธิการสื่อต่างๆ เข้าพบ ห้ามสหภาพแรงงานชุมนุม จัดคอนเสิร์ต ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เหมาโรงหนังให้คนไทยดูฟรี ห้ามญาติผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมรวมตัวทำบุญอุทิศส่วนกุศลและสุดท้าย สอนค่านิยม 12 ประการ
หากรวบรวมดีๆ อาจจะมีที่มากกว่านี้ ที่สำคัญถ้าจะโชว์ความอะเมซิ่งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว น่าจะใช้เรื่องเหล่านี้มาโปรโมต เพราะเป็นความแปลกใหม่ที่รับรองได้ว่าไม่มีประเทศไหนในโลกจะทำได้อีกแล้ว ดังนั้น ที่ท่านผู้นำหงุดหงิดถึงขั้นขู่ปิดประเทศจึงไม่ควรทำ เพราะเห็นอะไรที่ไม่มีใครเขาทำกันแล้ว เรายิ่งต้องเปิดประเทศเพื่อขายความต่าง รับรองว่าจะได้รับความสนใจและสามารถทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน