PRM ขยายเส้นทางบริการ “เรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว” จีน-อินเดีย
PRM เร่งขยายเส้นทางบริการเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว ไปจีนและอินเดีย รับโอกาสอุตสาหกรรมปิโตรเคมีภูมิภาคเอเชียบูม เสริมสร้างความโดดเด่นของรายได้ หนุนกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งฯเพิ่ม พร้อมเติบโตต่อเนื่อง
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากภาพรวมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวขึ้น ทำให้ความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเคมีในภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของ PRM ที่จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเคมีมาใช้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคนี้
โดยบริษัทฯ มีแผนงานขยายฐานลูกค้าและเส้นทางให้บริการขนส่งไปยังประเทศจีนและอินเดียเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรายใหญ่ในภูมิภาค จากเดิมที่ให้บริการขนส่งแก่ผู้ประกอบการในประเทศไทย มาเลเซียและเวียดนาม
ขณะที่ปัจจุบัน PRM มีพอร์ตกองเรือให้บริการขนส่งปิโตรเคมีจำนวน 11 ลำ จากกองเรือขนส่งภายในประเทศ (เรือเล็ก) ทั้งหมด 34 ลำ โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีปริมาณขนส่งปิโตรเคมีเหลวเพิ่มเป็น 800 ล้านลิตร หรือขยายตัวกว่า 111.48% โดยมีอัตราการใช้เรือกลุ่มนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 89.39% ซึ่งปีนี้ คาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งปิโตรเคมีเหลวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนเพิ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลวอีก 1 ลำ รวมถึงรักษาอัตราการใช้เรือให้อยู่ในเกณฑ์สูงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การให้บริการเรือขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในปีนี้ก็มีทิศทางขยายตัวดีขึ้นตามลำดับ หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น ส่งผลดีต่อปริมาณการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน Jet A1 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยผลักดันกลุ่มธุรกิจดังกล่าวให้เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศเติบโตถึง 19.2% แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างรุนแรงตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา
“ส่วนการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลวเป็นโอกาสของ PRM ที่มีศักยภาพและความพร้อมเพื่อรุกขยายตลาดนี้เพิ่มเติม สอดรับกับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรม เสริมสร้างความแข็งแกร่งและสนับสนุนการเติบโตให้แก่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งฯ ให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายวิริทธิ์พล กล่าว