จับตา 7 หุ้นแบงก์งบ Q1 โตสนั่น KKP-TTB นำทีมโกยกำไรเด่น

จับตา 7 หุ้นแบงก์งบ Q1 โตสนั่น KKP-TTB นำทีมโกยกำไรเด่น ฟากโบรกเชียร์ซื้อ KBANK-SCB ชู Top pick กลุ่ม


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” สำรวจกลุ่มธนาคารพาณิชย์เตรียมประกาศงบไตรมาส 1/2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศงบในช่วงวันที่ 18-21 เม.ย.นี้ โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของบล.โนมูระ พัฒนสิน มีทั้งหมด 7 แห่ง ประกอบด้วย TISCO ,KKP ,TTB ,BBL ,KBANK ,SCB และ KTB

โดยทั้ง 7 หุ้น “บล.โนมูระ” คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2565 จะเติบโตดี โดย KKP นำทีมเด่นสุด คาดรายงานกำไรสุทธิ 1.82 พันล้านบาท โต 24.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามมาด้วย TTB คาดรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 3.02 พันลบ. โต 8.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วน BBL คาดรายงานกำไรสุทธิที่ 7.34 พันล้านบาท เติบโต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ KTB คาดรายงานกำไรสุทธิ 5.82 พันล้านบาท เติบโต 4.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ KBANK คาดรายงานกำไรสุทธิ 1.10 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ SCB จะรายงานกำไรไตรมาส 1/2565 เติบโต 4.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ระบุในบทวิเคราะห์ (17 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 18 เม.ย.นี้ TISCO จะรายงานกำไรสุทธิ 1.81 พันล้านบาท เติบโต 2.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +1.1% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะค่าใช้จ่ายสำรองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ชดเชยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม

ด้าน NPL ratio ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.4% และคาด Coverage ratio สูงขึ้นเป็น 240% นอกจากนี้คาดกำไรไตรมาส 2/2565 ยังเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดค่าใช้จ่ายสำรอง แต่คาดกำไรทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะคาดสินเชื่อคาดทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเป็น segment ที่มีการแข่งขันรุนแรง ประกอบกับ TISCO ยังต้องใช้เวลารุกตลาดชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืน ซื้อเพื่อรับปันผล 7.15 บาท คิดเป็น dividend yield 7.2% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เม.ย.

ทั้งนี้ยังคงสมมติฐานสินเชื่อปี 2565 ขยายตัว 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มขยายตัว 5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คงกำไรทั้งปีที่ 6.87 พันล้านบาท ( โต 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เพราะการเติบโตของรายได้ทำได้ช้ากว่าธนาคารขนาดใหญ่ มีเพียงค่าใช้จ่ายสำรอง หรือ credit cost ที่สามารถลดลงต่อเนื่อง และด้วย Coverage ratio ที่สูงสุดในกลุ่มธนาคาร ทำให้ TISCO อาจลด Credit cost มากกว่าที่คาด โดยประเมิน ทุกๆ Credit cost ที่ลดลง -10bps จากสมมติฐาน 80 bps จะมี upside ต่อกำไร 2% แนะซื้อเป้าหมาย 115 บาท

 

ด้านธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP  ระบุในบทวิเคราะห์ (17 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 19-20 เม.ย. KKP จะรายงานกำไรสุทธิ 1.82 พันล้านบาท โตเด่น 24.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจาก 1) สินเชื่อขยายตัว 16.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 1.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากสินเชื่อเชื้อรถยนต์ (HP) สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจ 2) คาดรายได้ค่าธรรมเนียม โต 3.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,ลดลง 5.6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า 3) ผลขาดทุนรถยึดต่ำลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า

ด้าน Gross NPL คาดโต 11.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 2.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวของสินเชื่อ จึงคาด NPL ratio ที่ 3.0% ลดลงจาก 3.2% ในไตมาส 1/2565  แต่ทรงตัวเทียบกับไตรมาส 4/2564 ด้าน Coverage ratio ยังคงสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 174%

ภาพรวมปี 2565 ยังคงประมาณการกำไรที่ 7.2 พันล้านบาท เติบโตเด่น โต 14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหนุนจากสินเชื่อคาด +6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและรายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น ประกอบกับการลดลงค่าใช้จ่ายสำรองและผลขาดทุนรถยึดที่ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2564 จากการเร่งระบายรถยึดอย่างต่อเนื่อง คงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 80.0 บาท มองว่า KKP เด่นกว่า TISCO เพราะทิศทางกำไรเติบโตเด่นกว่า และไม่มี overhang จากผลขาดทุนรถยึดอีกแล้ว ด้าน asset quality ไม่น่ากังวลเพราะตั้งสำรองล่วงหน้าไปมากแล้ว รวมถึงทิศทางรายได้ทั้ง NII และ Non-NII ที่ยังมี momentum ดีต่อเนื่องรวมถึงมีเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2565 ที่ 1.45 บาท (%yield 2.1%) ขึ้น XD วันที่ 28 เม.ย.2565

 

ส่วนธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 20 เม.ย.นี้ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 3.02 พันลบ. (+8.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, โต 8.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (Opex) ลดลง หลังจากที่ปรับโครงสร้างองค์กรเสร็จสิ้น และคาดค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลงตามระดับ NPL อย่างต่อเนื่อง

ด้านกำไรที่เพิ่มขึ้น 8.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะ Opex ต่ำลงตามปัจจัยฤดูกาล ด้านสินเชื่อคาดหดตัว 1.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ด้าน Gross NPL คาดลดลง 2.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, flat เทียบไตรมาสก่อนหน้า ทำให้คาด NPL ratio และ Coverage ratio flat เทียบไตรมาสก่อนหน้า ที่ 3.1% และ 128% ตามลำดับ โดย TTB ยังเน้นการขาย/write-off NPL เป็นเครื่องมือหลักเพื่อคุมระดับ NPL ควบคู่กับการคุมเข้มสินเชื่อใหม่

คาดไตรมาส 2/2565  กำไรโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะไม่มีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายพิเศษ และสินเชื่อขยายตัวโดยยังประมาณการกำไรปี 2565  ที่ 1.29 หมื่นลบ. เติบโตเด่นสุดในกลุ่ม 23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนปีก่อนหน้า และการรุกสินเชื่อ high yield คงคำแนะนำ Reduce และคงเป้าหมายปี 2565 F ที่ 1.30 บาท

 

ส่วนธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 20-21 เม.ย.นี้ BBL จะรายงานกำไรสุทธิที่ 7.34 พันล้านบาท เติบโต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากการเติบโตฐานสินเชื่อคาดโต 8.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,ลดลง 0.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้าหดเพราะสินเชื่อธุรกิจชำระคืนหนี้ตามฤดูกาล และคาดกำไรไตรมาส 1/2565 เติบโต 16.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/2565 คาดกำไรเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรองลดลง ฐานสินเชื่อที่ขยายตัว และรายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น แต่คาดกำไรลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วนภาพปี 2565 ยังคงประมาณการกำไรที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 165.0 บาท

ด้านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 21 เม.ย.นี้ KBANK จะรายงานกำไรสุทธิ 1.10 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ NII ตามการขยายตัวของสินเชื่อ Corporate สามารถหักล้างการลดลงของ Non-NII คาดกำไรเพิ่มขึ้น 11.4% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล

โดยคาดกำไรไตรมาส 2/2565 เติบโตเด่น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรองลดลง และสินเชื่อที่ขยายตัวต่อเนื่อง ยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 180.0 บาท ยังคงเลือก KBANK เป็น Top pick

 

ด้านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 20-21 เม.ย.นี้ SCB จะรายงานกำไรไตรมาส 1/2565 ที่เติบโต 4.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง และคาดสินเชื่อขยายตัว 2.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 1.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และคาดกำไรเติบโต 33.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล

ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 คาดเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองลดลง และคาดสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น และคาดการรุกสินเชื่อ segment ใหม่จะเริ่มเห็นผลบวกที่ชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังปี 2565  คงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 155.0 บาท ยังคงเลือกเป็น Top pick ของกลุ่มธนาคาร (คู่กับ KBANK)

 

ปิดท้าย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มี.ค.65) ว่า คาดวันที่ 20-21 เม.ย.นี้ KTB จะรายงานกำไรสุทธิ 5.82 พันล้านบาท เติบโต 4.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย คาดสินเชื่อขยายตัว 12.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, โต 1.0% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากสินเชื่อภาครัฐ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย และคาด Credit cost ลดลงเหลือ 120 bps เทียบกับ 136 bps ในไตรมาส1/2564  และ 126 bps ในไตรมาส4/2564

ส่วนกำไรไตรมาส 1/2565 เติบโต 17.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล และ Credit cost ที่ลดลง แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 คาด flat เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น แต่คาดกำไรโต เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากขยายตัวของสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียม คงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท +8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คงคำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 13.10 บาท

Back to top button